สรุปหุ้น CREDIT : ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)

Credit เป็นธนาคารพาณิชย์ที่เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อนาโนและไมโครไฟแนนซ์ มุ่งเน้นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อจากระบบธนาคารทั่วไป จุดแข็งคือโมเดลธุรกิจเฉพาะตัวที่ผสมผสานระหว่างธนาคารและไฟแนนซ์ มีต้นทุนต่ำ เข้าถึงลูกค้าชุมชน พร้อมขยายด้วยเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน.


ข้อมูลเบื้องต้น

  ตลาดหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

  อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง: ธุรกิจการเงิน / ธนาคาร

  SET ESG Ratings : -

  ขนาดบริษัท (Market Cap): 20,127.88 ล้านบาท

 ข้อมูลอัพเดท ณ วันที่ 18/07/68

 

สินค้า และ บริการ

กลุ่มธุรกิจ สินค้า/บริการหลัก รายละเอียด/กลุ่มเป้าหมาย
บริษัทในเครือ (ถ้ามี)
สินเชื่อธุรกิจไมโคร SME กล้าให้ ฯลฯ ผู้ประกอบการรายย่อยทั้งบุคคลธรรมดา/นิติบุคคล -
สินเชื่อนาโน/ไมโคร นาโนเครดิต, ไมโครเครดิต, ไมโครพลัส ผู้ค้า OTOP, ออนไลน์, ไม่มีหลักทรัพย์ -
สินเชื่อบุคคล Personal Loan, สินเชื่อทองคำ, Ascend Nano รายได้ประจำหรือนอกระบบ -
สินเชื่อบ้าน บ้านแลกเงิน, รีไฟแนนซ์ ฯลฯ พนักงานประจำ/อาชีพอิสระ -
เงินฝาก กระแสรายวัน, ออมทรัพย์, ประจำ รายบุคคล/ธุรกิจ -
นายหน้าประกัน/กองทุน Life/Non-Life, RMF, SSF ฯลฯ ผ่านพนักงานขายและสาขาเงินฝาก -

Credit สร้างรายได้หลักจากการปล่อยสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะนาโนไฟแนนซ์และไมโครไฟแนนซ์ ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ โดดเด่นด้วยโมเดลธุรกิจที่ผสานระหว่างธนาคารและไฟแนนซ์ พัฒนาเครือข่ายสาขาในชุมชนควบคู่กับสาขาเงินฝาก ขยายพอร์ตสินเชื่อผ่านเทคโนโลยีสินเชื่อดิจิทัลและระบบวิเคราะห์เครดิต เดินหน้าลงทุนระบบ IT และโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืน เพื่อบริหารความเสี่ยง ลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนของคนตัวเล็ก ภายใต้แนวคิด “ธนาคารของคนทำมาหากิน”.

สัดส่วนรายได้จากแต่ละธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์ รายได้ปี 2566 (ลบ.) สัดส่วน % รายได้ปี 2567 (ลบ.) สัดส่วน % การเปลี่ยนแปลง
ดอกเบี้ยจากสินเชื่อ 15,389.80 96.70% 17,505.60 96.50% 🟩เพิ่มขึ้น 13.75%
ตราสารหนี้ 62.6 0.40% 104.1 0.60% 🟩เพิ่มขึ้น 66.29%
ธนาคารและตลาดเงิน 340.5 2.10% 396.6 2.20% 🟩เพิ่มขึ้น 16.48%
ให้เช่าซื้อและอื่นๆ 120.1 0.80% 131.7 0.70% 🟩เพิ่มขึ้น 9.66%
รวม 15,913.00 100% 18,138.00 100% 🟩เพิ่มขึ้น 13.98%

ข้อมูลล่าสุดของปี 2567 จาก 56-1 ของบริษัท

**สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ คลิกที่นี่  Liberator -เทรดหุ้นไทย หุ้น US - Apps on Google Play

 

ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

🔹 ฐานรายได้หลักจากสินเชื่อรายย่อยในประเทศ

+ธนาคารไทยเครดิตฯ สร้างรายได้หลักจากการปล่อยสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะนาโนไฟแนนซ์และไมโครไฟแนนซ์ คิดเป็น 96.5% ของรายได้จากการดำเนินงานในปี 2567 รายได้ทั้งหมดมาจากภายในประเทศ สะท้อนการมุ่งเน้นลูกค้าฐานรากในชุมชนเป็นหลัก พร้อมขยายพอร์ตอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มความต้องการแหล่งทุนของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายย่อย

🔹 จุดแข็งด้านโมเดลธุรกิจเฉพาะตัวและโครงสร้างต้นทุนต่ำ

+CREDIT แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ด้วยโมเดลที่ผสานระหว่างธนาคารและไฟแนนซ์ มีสาขาสินเชื่อกว่า 272 แห่งฝังตัวในชุมชน เสริมด้วยสาขารับฝากในเขตเมือง ทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ถูกมองข้ามจากระบบการเงินหลัก อีกทั้งยังมี NIM สูงถึง 8.6% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร

🔹 ความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและลงทุนด้านเทคโนโลยี

+บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมทั้งด้านกลยุทธ์ ปฏิบัติการ เทคโนโลยี และกฎหมาย โดยมีระบบ IT และระบบวิเคราะห์เครดิตที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น TELS-NANO พร้อมแผนการใช้เงิน IPO ในการเสริมศักยภาพด้าน Digital Transformation และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อรองรับการขยายพอร์ตและยกระดับการปล่อยสินเชื่ออย่างยั่งยืน

🔹 โอกาสเติบโตจากฐานลูกค้าขนาดใหญ่และการเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

+CREDIT มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่ยังเข้าถึงสินเชื่อได้น้อย เป็นโอกาสสำคัญในการขยายพอร์ตในอนาคต รวมถึงแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น Green Loan, เงินฝากดิจิทัล และบริการผ่านแอป MicroPay เพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเงินครบวงจรที่ตอบโจทย์ “คนทำมาหากิน” และสนับสนุนความยั่งยืนในระยะยาว

ความเสี่ยงของธุรกิจและมาตราการการรับมือ

🔹 ความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากสินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก

-ความเสี่ยง: รายได้ของธนาคารไทยเครดิตฯ ส่วนใหญ่มาจากการปล่อยสินเชื่อนาโนและไมโครไฟแนนซ์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าสินเชื่อระบบทั่วไป หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือรายได้ลูกค้าลดลง อาจส่งผลต่อคุณภาพพอร์ตสินเชื่อและระดับ NPL

+มาตรการการรับมือ: ธนาคารมีการกระจายพอร์ตไปยังสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน และกลุ่ม SME เพิ่มขึ้น รวมถึงใช้ระบบวิเคราะห์เครดิตและติดตามหนี้เชิงรุกเพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

🔹 ความเสี่ยงด้านการแข่งขันจาก Non-Bank และ Digital Lending

-ความเสี่ยง: การเปิดเสรีทางการเงินและการเกิดขึ้นของผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัล (Digital Lending) ส่งผลให้การแข่งขันในกลุ่มลูกค้ารายย่อยสูงขึ้น โดยเฉพาะด้านความเร็วและประสบการณ์ใช้งาน

+มาตรการการรับมือ: บริษัทเร่งพัฒนาระบบสินเชื่อดิจิทัล (เช่น TELS-NANO) และแอป MicroPay เพื่อเพิ่มความสะดวกและความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งใช้ความใกล้ชิดในชุมชนเป็นจุดแข็งในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

🔹 ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและ Cybersecurity

-ความเสี่ยง: การให้บริการทางการเงินในยุคดิจิทัลมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล และการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและความต่อเนื่องของธุรกิจ

+มาตรการการรับมือ: ธนาคารลงทุนในระบบ IT Security และมีมาตรการป้องกันเชิงลึก รวมถึงอบรมพนักงานเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

🔹 ความเสี่ยงจากการพึ่งพากลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงเครดิตสูง

-ความเสี่ยง: ลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่ของธนาคารอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำหรือไม่มีหลักประกัน ทำให้ความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้สูงกว่ากลุ่มลูกค้าในระบบ

+มาตรการการรับมือ: ใช้โมเดลการประเมินสินเชื่อเฉพาะทางที่วิเคราะห์จากพฤติกรรมรายบุคคลและบริบทชุมชน รวมถึงมีทีมงานลงพื้นที่ติดตามผลอย่างใกล้ชิด

🔹 ความเสี่ยงจากการบริหารโครงการขยายธุรกิจและลงทุนด้านเทคโนโลยี

-ความเสี่ยง: การใช้เงิน IPO เพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยีและขยายพอร์ตสินเชื่อ หากบริหารจัดการไม่ดี อาจทำให้ต้นทุนสูงหรือล่าช้า ไม่บรรลุเป้าหมาย

+มาตรการการรับมือ: มีคณะกรรมการกำกับความเสี่ยงและคณะกรรมการลงทุนดูแลแผนการใช้เงิน IPO อย่างรอบคอบ พร้อมกำหนดตัวชี้วัด (KPI) และระบบติดตามผลรายไตรมาส

โครงการในอนาคต

🔹 ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและเพิ่มศักยภาพการปล่อยสินเชื่อธนาคารไทยเครดิตฯ วางแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม โดยใช้เงิน IPO ราว 895 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพด้าน Digital Transformation และระบบ IT รวมถึงการปรับปรุงระบบสินเชื่อ TELS-NANO ให้รองรับสินเชื่อรูปแบบใหม่ เช่น Green Loan และบริการทางการเงินดิจิทัลที่เข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น

🔹 ขยายฐานลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องธนาคารมีแผนเปิดสาขาสินเชื่อในระดับชุมชนเพิ่มจากปัจจุบันกว่า 270 สาขา โดยเน้นครอบคลุมพื้นที่ที่ยังไม่มีสถาบันการเงินเข้าไปให้บริการ ต่อยอดกลยุทธ์ “ธนาคารของคนทำมาหากิน” และเสริมบริการทางการเงินแบบครบวงจรผ่านแอป MicroPay เพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่

🔹 ลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันนอกจากระบบการให้สินเชื่อแล้ว ธนาคารยังลงทุนใน Cybersecurity, AI Credit Scoring และระบบวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างแม่นยำ ลดต้นทุนการให้สินเชื่อ และปรับกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าให้เหมาะสมกับบริบทเฉพาะกลุ่ม

🔹 มุ่งสู่การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมธนาคารดำเนินนโยบายด้าน ESG อย่างจริงจัง โดยมีการบริหารการใช้พลังงานในสำนักงานและสาขา รวมถึงรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง Scope 1–3 อย่างต่อเนื่อง พร้อมมีแนวทางจัดการขยะ น้ำ และพลังงาน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

🔹 เสริมธรรมาภิบาลและพัฒนาทีมบริหารรองรับการเติบโตมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะด้านความเสี่ยงและความยั่งยืน พร้อมทั้งพัฒนาทีมบริหารในด้านการปล่อยสินเชื่อรายย่อย การวิเคราะห์ความเสี่ยง และการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตในระยะยาว ทั้งในมิติของผลการดำเนินงานและการสร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้น

กราฟราคาหุ้น : CREDIT


** เพื่อนๆสามารถคลิ้กที่รูปกราฟ เพื่อติดตามข้อมูล RealTime ล่าสุดของวันนี้ได้นะ **

เว็บไซต์บริษัท :  CREDIT
56-1 รายงานประจำปี 2567 (Annual Report) : คลิ้กที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

🔹 ธนาคารไทยเครดิตมีรายได้หลักจากอะไร? รายได้หลักของธนาคารไทยเครดิตฯ มาจากการปล่อยสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อนาโนและไมโครไฟแนนซ์ ซึ่งคิดเป็น 96.5% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมในปี 2567 โดยรายได้ทั้งหมดมาจากภายในประเทศ สะท้อนความมุ่งมั่นในการให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและคนทำมาหากินทั่วประเทศ

🔹 จุดเด่นที่สุดที่ทำให้ธนาคารไทยเครดิตน่าสนใจคืออะไร? จุดเด่นของธนาคารอยู่ที่โมเดลธุรกิจเฉพาะตัวที่ผสมผสานระหว่างธนาคารและไฟแนนซ์ สามารถเข้าถึงลูกค้ารายย่อยในชุมชนได้ลึกกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป มีต้นทุนดำเนินงานต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูง (NIM สูงถึง 8.6%) พร้อมความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสินเชื่อดิจิทัล

🔹 ธนาคารไทยเครดิตมีแผนการเติบโตในอนาคตอย่างไร? จาก One Report 2567 ธนาคารมีแผนใช้เงิน IPO เพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อ เพิ่มประสิทธิภาพระบบ IT และ Cybersecurity รวมถึงพัฒนาแอป MicroPay และระบบปล่อยสินเชื่ออัตโนมัติ (TELS-NANO) นอกจากนี้ยังวางแผนออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ เช่น Green Loan และเงินฝากดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุคดิจิทัลและรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 
ซื้อหุ้น CREDIT ได้ที่ Liberator | ไม่มีขั้นต่ำ เซฟต้นทุนให้คุณตั้งแต่บาทแรก