เรียนรู้ธุรกิจบริหารทรัพยากรบุคคล กับ PRTR
[1] PRTR ทำอะไร
● ให้บริการด้านทรัพยากรบุคคลครบวงจร รายได้หลัก 96% มาจาก Outsource (จัดหาพนักงานให้บริษัทเอกชน โดย PRTR จะดูแลค่าตอบแทนพนักงาน สวัสดิการ และเรียกเก็บค่าบริการไปยังบริษัทที่ใช้พนักงานเป็นรายเดือน) ส่วนอีก 3% มาจาก Recruitment service โดย PRTR จะสัมภาษณ์คัดเลือกพนักงานตาม requirement ของบริษัทผู้ว่างจ้างเอาไปจ้างประจำที่บริษัท ส่วนที่เหลือจะเป็นบริการเสริม เช่น การอบรมพนักงาน (The BLACKSMiTH) และระบบ pay-roll เงินเดือน (pINNO) เป็นต้น
[2] Lombard เข้ามาซื้อหุ้น 15% จาก JMART จะเกิดผลลัพธ์อะไรกับ PRTR
● Lombard มอง PRTR มานานแล้ว จนถึงเวลาที่เหมาะสม ทว่า ผบห. PRTR ไม่มีใครอยากขาย จะมีเพียง JMART ที่อยากปรับพอร์ตพอดี เลยเป็นที่มาให้เกิดการซื้อหุ้นระหว่างกัน ซึ่งแม้ JMART จะไม่ได้มีบทบาทใน PRTR แล้ว แต่ก็ยังคงร่วมมือทำงานกันต่อ หลักๆเช่นสินเชื่อพนักงานผ่านแอป JVC ของ JMART เป็นต้น และในอนาคตจะเชื่อมกับระบบ pay-roll pINNO (มีฐานพนักงานใช้ 4 หมื่นกว่าคน) เพื่อต่อยอดการปล่อยสินเชื่อในอนาคต
● Lombard นอกจากจะถือหุ้นแล้วจะได้ 1 board seat ในคณะกรรมการบริหาร และจะมาช่วยในเรื่องการทำ M&A ในอนาคตอีกด้วย ปัจจุบันเริ่มทำงานด้วยกันแล้ว ซึ่ง Lombard มี network กว้างขวางมากในเอเชีย ผบห.คาดต้นปีหน้าจะมีอีก 1 ดีลจากความร่วมมือนี้ซึ่งจะใหญ่กว่าเดิมและมีนัยสำคัญกว่าที่ PRTR เคยทำด้วยตนเองอีกด้วย โดยจะเป็นบริษัทที่มี ecosystem เดียวกับ PRTR และต่อยอดซึ่งกันและกันได้
● Lombard ต้นทุน 3.34 บาท เป็น Private Equity ที่ลงทุนระยะยาว และตั้งใจจะอยู่กับ PRTR อย่างน้อย 5 ปี โดย Lombard พร้อมช่วยให้ PRTR เติบโตทั้งรูปแบบ organic และ inorganic
● จุดอ่อนหุ้น PRTR ที่ liquidity น้อยนั้น Lombard ไม่ได้กังวล เค้าเชื่อว่าถ้าธุรกิจโตได้ เดี๋ยวคนจะมาสนใจเอง (Lombard เคยประสบความสำเร็จมาแล้วกับ MAGURO) ซึ่งเมื่อเทียบกับ HRnet #1 ของสิงคโปร์ PRTR นั้นซื้อขาย P/E มีส่วนลดกว่า 50% ทำให้ smart money สนใจ
[3] การเป็นบริษัทมหาชนจะครบ 3 ปีแล้ว ช่วยสนับสนุนธุรกิจได้ไหม?
● การเป็น “มหาชน” ต้องปรับตัวมาก เพราะต้องเอาเงินทีระดมทุนได้ไปก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งล่าสุดเอาไปทำ M&A ซื้อ Biz Resource (outsource แม่บ้าน คนขับรถ) , เอาไปลงทุน pINNO และยังเหลือเงินเอาไปต่อยอดได้อีก การ IPO จึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบริษัทที่มองการเติบโต แม้ต้องใช้ learning curve การเป็น “มหาชน” บ้างของผู้ประกอบการ แต่ก็คุ้มค่า
● แต่ความคาดหวังจาก นลท. ก็จะสูงมากๆ บริษัททำได้อย่างเดียวคือ การทำงานให้ดีที่สุด ถ้าพื้นฐานธุรกิจดี โตต่อเนื่อง(แม้ว่าวันนี้โตไม่ทันใจนักลงทุน) สุดท้าย return แก่ นลท.จะกลับมาเอง ผบห.เชื่อว่า Lombard จะยกระดับการโตได้ในระยะยาว ความคาดหวังทำให้เราต้องขยัน!
[4] ตลาด Outsource ในเมืองไทย แบ่งบานเต็มที่ หรือแค่จุดเริ่มต้น
● ยังเพิ่งเริ่ม บริษัทไทยๆเริ่มเข้าใจแล้วว่า Outsource คล่องตัวกว่ามาก ทำให้ลูกค้า PRTR เริ่มเพิ่มขึ้นในฝั่งบริษัทไทยๆ และใช้จำนวนพนักงานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี อุปสงค์ใน พนง.แบบ Outsource ยิ่งดี เพราะบริษัทจะ flexible มากกว่าการรับพนักงานประจำ
● ตอนนี้ในไทย Outsource ข้ามไปยังพนักงานระดับบนแล้วไม่ใช่มีแค่พนักงานระดับล่าง โดยระดับบนๆ เช่น engineer, executives, IT เป็นต้น ซึ่ง PRTR มีคอร์สสอน AI ready ทำการฝึกอบรมให้พนักงาน outsource เข้าไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยในยุค AI ทำให้พนักงาน outsource จาก PRTR มีความแตกต่างประเข้าได้กับการทำงานยุคสมัยนี้
● ส่วนแบ่งของ PRTR ติด top 3 ในประเทศ แต่เป็นตลาด fragment มาก โดย PRTR มีส่วนแบ่ง 5.4% แต่เป็นอันดับ 1 ได้ ซึ่งการที่ PRTR ทำ IPO มาก่อนหน้าทำให้มีเงิน working cap ใหญ่มาก ทำให้รับงานได้เยอะ และมากกว่าบริษัท outsource ข้างนอกทั่วไป ทำให้เชื่อว่า PRTR จะวิ่งได้เร็วกว่า และกินส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มอีกเรื่อยๆในระยะยาว
[5] กระแสเกษียนช้า 65 ปี, AI, ทำงาน 4 วัน เหล่านี้กระทบ PRTR ไหม
● เราต้องอยู่ในเป็น ต้องเทรนให้คนใช้ AI เป็น(เพิ่ม skill) ซึ่ง PRTR มองในจุดนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องทำงาน 4 วัน ไม่น่ากังวล เพราะในมุม HR สมัยใหม่จะดูที่ Productivity มากกว่าเวลา การมานั่งทำงาน 5 วันแล้วไม่มีผลงานย่อมไม่เกิดประโยชน์ ผบห.มองว่า ถ้าพนักงานทำงานดี มีช่วงเวลา relax แต่ได้งานที่ประสิทธิภาพดี น่าจะ win-win ระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง ส่วนการขยายเวลาเกษียนไม่กระทบ เพราะส่วนใหญ่พนักงาน PRTR เป็นวัยหนุ่มสาว ส่วน engineer อายุมากถ้า skill สูงลูกค้าก็ยินดีต่อสัญญาอยู่แล้ว
[6] ธุรกิจ Recruitment ปีนี้ยากจริง
● ยอมรับว่าปีนี้ slowdown เพราะพนักงานกลุ่มนี้จะอิงกับภาวะเศรษฐกิจและความมั่นใจของบริษัทลูกค้า ซึ่งปีนี้ความไม่แน่นอนมีเยอะมาก เช่น ภาษีทรัมป์ ทำให้การรับพนักงานประจำผ่าน Recruitment จึงล่าช้าออกไป แต่เวลาเอกชนไม่มั่นใจมันคือโอกาสของ Outsource ของ PRTRนั่นเอง
[7] การบริหารเงิน
● แม้ว่าจะ M&A ไปแล้ว 1 ดีล เงินยังเหลืออยู่อีกพอสมควร และไม่มีหนี้สิน โดยการ M&A ของ PRTR มีเงื่อนไขเข้มงวด กล่าวคือ 1.เป็นธุรกิจที่ PRTR เข้าใจ 2.ต้องกำไร แปลว่ามัน work ที่จะทำ 3.Gross profit margin ที่ต้องไม่แย่กว่า PRTR สะท้อนว่าโมเดลดี cost structure ดี ซึ่งจะทำให้ PRTR เอาไปผลักดันไปโตหรือดีกว่าเดิมได้ ผบห.เชื่อว่าระบบจะสามารถปรับปรุงจะทำให้ NPM ดีขึ้นได้ในท้ายที่สุด แม้ว่าในจังตอนซื้อ NPM อาจยังไม่สูงมากกว่าก็ยอมรับได้ ส่วน valuation ในการเข้าซื้อ ย้ำว่า P/E ต้องไม่แพงไปกว่า PRTR เพราะ ผบห.มั่นใจในธุรกิจและความโปร่งใสของ PRTR แปลว่านักลงทุนสบายใจได้ PRTR จะได้ของดี ราคาถูกทุกๆ M&A
● ถ้า M&A ไม่มา หรือล่าช้า ก็ยังคงจ่ายปันผลสม่ำเสมอแน่นอน และในปี 2026 อาจมากกว่า 1 ครั้ง หาก deal size ในปีหน้าไม่ได้ใหญ่มากๆ
[8] ความฝันใน 3-5 ปี
● เชื่อว่า ecosystem ที่เตรียมไว้ จาก pINNO, The BlackSMiTH และ การมี partner ที่ดีแบบ Lombard ผบห.มองโอกาสไปเป็น Regional player ในอนาคตได้
[9] มุมมองนักวิเคราะห์
● มอง PRTR เป็น value stock ชั้นดี ที่กำลังเติบโตในเมกกะเทรนด์ของอุตสหากรรมจัดหางานในไทยที่กำลังเปลี่ยนไปสู่ระบบ outsource มากขึ้น ซึ่งการมี ecosystem ที่พร้อม เชื่อว่า PRTR จะรักษาสถานะเบอร์ 1 และอยู่ช่วยบริษัทเอกชนไทยไปอีกนาน ขณะที่ ผู้ถือหุ้นจะเห็นการทำกำไร all time high อย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับปันผลที่สม่ำเสมอ เราแนะนำ “ซื้อ”ราคาเหมาะสม 5.25 บาท/ หุ้น อิง DCF WACC 12.9% g 1.5% ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ P/E25E 8.3x ปันผล 7.9% ต่อปี เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว (อ้างอิงบทวิเคราะห์ 15 ต.ค. 2025)
เพื่อนๆสามารถรับชม LIB Insight สัมภาษณ์ผู้บริหาร อีกหลากหลายบริษัท
ในแบบเจาะลึกกับทีมนักวิเคราะห์ Liberator ได้เพิ่มเติม โดยคลิกที่รูปด้านล่างนี้ได้เลย