Bottom Fishing คืออะไร?
 
Bottom Fishing คือ กลยุทธ์การซื้อหุ้นที่นักลงทุนเชื่อว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดของราคาไปแล้ว และกำลังจะถึงจุด "พลิกฟื้น" เพื่อกลับไปสู่มูลค่าที่แท้จริง นักลงทุนกลุ่มนี้เปรียบเสมือน "นักช้อน" ที่รอคอยจังหวะที่ปลา (หุ้น) ว่ายลงไปถึงก้นบ่อ และเข้า "ช้อน" ขึ้นมาก่อนที่คนอื่นจะทันสังเกตเห็น
 
นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้จะมองหาหุ้นของบริษัทที่:
 
ธุรกิจอาจแข็งแกร่ง แต่ราคาหุ้นถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก (เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ) หรือปัญหาภายในที่สามารถแก้ไขได้
 
 
เป็นช่วงที่ข่าวลือและความกลัวครอบงำตลาด ทำให้ราคาตกลงอย่างไม่สมเหตุสมผล
 
 
ปรัชญาของการทำ Bottom Fishing คือการทำตามคำกล่าวอมตะของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ว่า "จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว และจงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า"
 
เหตุผลที่นักช้อนต้องเข้าซื้อในจังหวะที่ทุกคนตื่นตระหนกก็เพราะว่า:
 
 
ช่วงที่ตลาดกลัวที่สุดคือช่วงที่หุ้นดีมีคุณภาพถูก "ลดราคา" ลงมาอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นโอกาสทองในการเข้าซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากที่สุด
 
 
หากการคาดการณ์ถูกต้องและหุ้นสามารถกลับมาฟื้นตัวได้จริง ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจากการ "ช้อนถูกจุด" อาจสูงถึงหลายสิบหรือหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในระยะเวลาอันสั้น
 
การยกตัวอย่างกรณีศึกษา Bottom Fishing ที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นไทยจะช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพชัดเจนถึงกลยุทธ์และความเสี่ยง นี่คือ 3 ตัวอย่างหุ้นไทยที่นักช้อนใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างน่าสนใจ:
 
1. AOT: กรณีวิกฤตที่ไม่ได้เกิดจากพื้นฐาน (The Black Swan Event)
 
AOT (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) เป็นตัวอย่างคลาสสิกของหุ้นที่ถูก "ลดราคา" อย่างรุนแรงจากปัจจัยภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการดำเนินงานหลัก
 
ช่วงเวลาวิกฤต: ช่วงเดือนมีนาคม 2563 (วิกฤตโควิด-19)
 
สถานการณ์ก่อนช้อนซื้อ: การระบาดของโควิด-19 ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศหยุดชะงัก ธุรกิจหลักของ AOT (ค่าธรรมเนียมสนามบิน) กลายเป็นศูนย์ทันที ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างรุนแรงจากกว่า 80 บาท เหลือต่ำสุดที่ประมาณ 49 บาท
 
แนวคิด Bottom Fishing:
 
นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้จะมองว่า "AOT เป็นผู้ผูกขาดธุรกิจสนามบินในประเทศ ไม่มีทางล้มละลาย" วิกฤตโรคระบาดเป็น "เหตุการณ์ชั่วคราว" เมื่อโลกกลับมาเปิดทำการ ราคาหุ้นจะฟื้นตัวตามจำนวนผู้โดยสารอย่างแน่นอน
 
ผลลัพธ์หลังฟื้นตัว: หากนักลงทุนช้อนซื้อในช่วงราคาต่ำสุด หลังจากนั้น 1 ปี (มี.ค. 2564) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาที่ประมาณ 65 บาท คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 32% และยังคงมีโอกาสเติบโตต่อเมื่อจำนวนผู้โดยสารกลับมาเต็มที่
 
2. PTT: กรณีหุ้นใหญ่ราคาถูกจากราคาน้ำมันดิ่ง (Commodity Cycle Low)
 
PTT (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)) เป็นตัวอย่างของหุ้นวัฏจักรที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดิ่งลงอย่างรุนแรง
 
ช่วงเวลาวิกฤต: ช่วงเดือนมีนาคม 2563 (ควบคู่กับโควิด-19 และราคาน้ำมันโลกตกต่ำ)
 
สถานการณ์ก่อนช้อนซื้อ: ราคาน้ำมันดิบโลกตกลงอย่างหนักจนบางช่วงติดลบ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันหายไปทั่วโลก บริษัทพลังงานขนาดใหญ่อย่าง PTT ได้รับผลกระทบจากสต็อกน้ำมันที่ขาดทุนและกำไรลดลงอย่างรุนแรง ราคาหุ้นตกลงสู่จุดต่ำสุดที่ประมาณ 25 บาท
 
แนวคิด Bottom Fishing: นักลงทุนจะมองว่า "PTT คือเสาหลักทางพลังงานของประเทศ และราคาน้ำมันที่ตกต่ำถึงขีดสุดเป็นเพียงวัฏจักร" เมื่อเศรษฐกิจโลกกลับมา ความต้องการใช้น้ำมันจะกลับมาฟื้นตัวอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นกลับมาสู่มูลค่าที่แท้จริง
 
ผลลัพธ์หลังฟื้นตัว: หากช้อนซื้อที่ราคาต่ำสุด หลังจากนั้น 1 ปี ราคาปรับขึ้นไปที่ประมาณ 40 บาท คิดเป็นผลตอบแทนสูงถึง 60%
 
สรุป :
การทำ Bottom Fishing จึงไม่ใช่แค่การซื้อหุ้นราคาถูก แต่เป็นการ ลงทุนในโอกาสการพลิกฟื้นที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความกลัวของตลาด ซึ่งต้องใช้ความกล้าหาญในการสวนกระแสและความสามารถในการวิเคราะห์ที่แม่นยำอย่างยิ่ง
===================
FINCODE
ซีรีส์ที่จะมาปลดล็อก CODE ลับทางการเงิน
ทั้งเรื่อง การลงทุน และ เรื่องฟินๆ ในโลกการเงิน
ที่ถ้าคุณรู้และใช้ได้จริง วิธีทางการเงินจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น…
เพราะยังมี FINCODE อีกหลายโค้ดลับ
ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีใช้ “CODEการเงิน” เพื่อให้ชีวิตฟินขึ้น
===================
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0151-01 และการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ใบอนุญาตเลขที่ ส1-0151-01