สรุปหุ้น CHASE : บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน)

 
 

CHASE เชี่ยวชาญบริหารจัดการหนี้ครบวงจร ทั้งติดตามทวงถามและซื้อ NPL ลูกค้าหลักคือสถาบันการเงิน จุดแข็งคือประสบการณ์กว่า 20 ปี ทีมกฎหมายเข้มแข็ง และเทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพ ดำเนินธุรกิจในไทยเป็นหลัก


ข้อมูลเบื้องต้น

  ตลาดหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

  อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง: ธุรกิจการเงิน / เงินทุนและหลักทรัพย์

  SET ESG Ratings : A

  ขนาดบริษัท (Market Cap): 1,092.46 ล้านบาท

 ข้อมูลอัพเดท ณ วันที่ 14/07/68

 

สินค้า และ บริการ

กลุ่มธุรกิจ สินค้า/บริการหลัก รายละเอียด/กลุ่มเป้าหมาย บริษัทในเครือ
ติดตามหนี้ ติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ - รับจ้างติดตามหนี้จากธนาคารและบริษัทเอกชน- ดำเนินคดีฟ้องร้อง, บังคับคดี- ใช้ระบบ Auto Dialer, Mobile App
ไม่มีระบุบริษัทย่อย
บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ - ซื้อ NPL จากธนาคาร/สถาบันการเงิน- จัดการทั้งหนี้มีหลักประกัน/ไม่มีหลักประกัน- ให้คำปรึกษาลูกหนี้
RWAY, CFAM, COURTS

CHASE สร้างรายได้หลักจากธุรกิจติดตามทวงถามหนี้และบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ครอบคลุมทั้งงานติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารพอร์ต NPL แบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในไทย ควบคู่การขยายพอร์ตลงทุนเพิ่ม ด้วยความเชี่ยวชาญกว่า 20 ปี ทีมบุคลากรด้านกฎหมายที่แข็งแกร่ง และการใช้เทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพ เพื่อรองรับตลาดหนี้ที่ซับซ้อนและแข่งขันสูงอย่างต่อเนื่อง

สัดส่วนรายได้จากแต่ละธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์ รายได้ปี 2566 (ลบ.) สัดส่วน % รายได้ปี 2567 (ลบ.) สัดส่วน % การเปลี่ยนแปลง
บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 464.9 68.22% 586.5 71.83% 🟩เพิ่มขึ้น 26.16%
ติดตามทวงถามหนี้ 185.7 27.24% 192.2 23.54% 🟩เพิ่มขึ้น 3.50%
เงินให้สินเชื่อ (Hope Loan) 25.7 3.76% 34.2 4.19% 🟩เพิ่มขึ้น 33.07%
รายได้อื่น 5.2 0.77% 3.6 0.43% 🟥ลดลง -30.77%
รวม 681.5 100% 816.5 100% 🟩เพิ่มขึ้น 19.81%

ข้อมูลล่าสุดของปี 2567 จาก 56-1 ของบริษัท

**สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ คลิกที่นี่  Liberator -เทรดหุ้นไทย หุ้น US - Apps on Google Play

 

ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

:🔹 ฐานรายได้จากธุรกิจบริหารหนี้ครบวงจร

+รายได้หลักของ CHASE มาจากธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ และการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดยให้บริการตั้งแต่การติดตามหนี้ การดำเนินคดี ฟ้องร้อง และบังคับคดี ครอบคลุมลูกค้ากลุ่มสถาบันการเงินและธุรกิจเอกชน อีกทั้งยังมีรายได้จากดอกเบี้ยสินเชื่อเดิม (Hope Loan) ที่ยังคงติดตามชำระอยู่ ช่วยสร้างฐานรายได้หลายทาง ลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจเพียงด้านเดียว

🔹 จุดแข็งด้านประสบการณ์และทีมกฎหมาย

+CHASE มีจุดแข็งสำคัญคือประสบการณ์กว่า 20 ปีในธุรกิจติดตามหนี้และบริหาร NPL ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจหลายครั้ง ทำให้มีความเข้าใจเชิงลึกต่อวัฏจักรเศรษฐกิจและพฤติกรรมลูกหนี้ นอกจากนี้ ยังมีบุคลากรฝ่ายกฎหมายและบังคับคดีมากถึง 154 คน ที่เชี่ยวชาญการดำเนินคดีและบังคับคดี ทำให้สามารถบริหารหนี้ได้ทุกประเภท รวมถึงหนี้ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการศาลซึ่งมีค่าบริการสูงกว่า ช่วยสร้างขีดความสามารถเหนือคู่แข่ง

🔹 เทคโนโลยีสนับสนุนการติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

+CHASE พัฒนาระบบ Collection Management และ Arma Application เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการติดตามหนี้ เช่น การบันทึกข้อมูลการติดต่อลูกหนี้แบบเรียลไทม์ การใช้ฟีเจอร์แชทใน Mobile App รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้เพื่อปรับกลยุทธ์การทวงถาม ทำให้สามารถตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสการเก็บหนี้สำเร็จ

🔹 โอกาสเติบโตจากการขยายพอร์ต NPL

+แม้อุตสาหกรรมบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจะผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ CHASE ยังมีโอกาสเติบโตจากปริมาณ NPL ที่เพิ่มขึ้นในระบบสถาบันการเงิน โดยบริษัทมุ่งเน้นขยายพอร์ต NPL โดยเฉพาะสินทรัพย์ด้อยคุณภาพไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 96% ของพอร์ตทั้งหมด อีกทั้งยังมีฐานะการเงินที่แข็งแรง (Debt-to-Equity เพียง 0.21 เท่า) ทำให้พร้อมลงทุนเพิ่มเพื่อซื้อพอร์ต NPL ใหม่ และต่อยอดการเติบโตในระยะยาว

ความเสี่ยงของธุรกิจและมาตราการการรับมือ

🔹 ความเสี่ยงจากการพึ่งพาลูกค้ากลุ่มสถาบันการเงิน

-ความเสี่ยง: รายได้ของ CHASE ส่วนใหญ่มาจากงานติดตามหนี้และซื้อ NPL จากสถาบันการเงิน หากธนาคารหรือสถาบันการเงินเลือกที่จะขายพอร์ตหนี้เอง หรือลดการจ้างงานติดตามหนี้ อาจทำให้รายได้ของ CHASE ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

+มาตรการการรับมือ: CHASE ขยายธุรกิจซื้อพอร์ต NPL เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากงานรับจ้างติดตามหนี้เพียงอย่างเดียว รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับสถาบันการเงิน และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน ให้แข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น

🔹 ความเสี่ยงจากการแข่งขันในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ

-ความเสี่ยง: อุตสาหกรรมบริหาร NPL มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้ประกอบการหลายราย หากคู่แข่งเสนอราคาซื้อพอร์ต NPL สูงกว่า อาจทำให้ CHASE สูญเสียโอกาสซื้อพอร์ตที่มีศักยภาพ ส่งผลต่อการเติบโตและกำไร

+มาตรการการรับมือ: CHASE มีทีมวิเคราะห์ข้อมูล (Portfolio Analysis) ที่เชี่ยวชาญในการประเมินพอร์ตหนี้ ทำให้สามารถกำหนดราคาซื้อที่เหมาะสม และยังคงมองหาพอร์ตขนาดเล็กเพื่อลดการแข่งขันในตลาดพอร์ตใหญ่

🔹 ความเสี่ยงจากการจัดเก็บหนี้ได้ต่ำกว่าประมาณการ

-ความเสี่ยง: ความสามารถในการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ของ CHASE ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ และความสามารถชำระหนี้ของลูกหนี้ หากเศรษฐกิจชะลอตัว หรือสถานการณ์ลูกหนี้เปลี่ยนไป อาจทำให้จัดเก็บหนี้ได้น้อยกว่าที่คาด ส่งผลกระทบต่อรายได้และผลประกอบการ

+มาตรการการรับมือ: CHASE ติดตามประสิทธิภาพการจัดเก็บหนี้อย่างใกล้ชิด กำหนด KPI ให้กับพนักงาน และปรับกลยุทธ์ติดตามหนี้ตามข้อมูลจริง รวมถึงใช้ระบบ IT ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้เพื่อลดความเสี่ยง

🔹 ความเสี่ยงจากปัญหาทางกฎหมายและข้อร้องเรียน

-ความเสี่ยง: ธุรกิจติดตามทวงถามหนี้มีความเสี่ยงหากพนักงานดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมาย อาจถูกลูกหนี้ร้องเรียน หรือฟ้องร้อง ซึ่งกระทบทั้งชื่อเสียงและอาจเกิดค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย

+มาตรการการรับมือ: CHASE จัดอบรมพนักงานทุกคนตามกฎหมายทวงถามหนี้อย่างเข้มงวด และใช้ระบบบันทึกการสนทนาเพื่อควบคุมการทำงาน นอกจากนี้ยังสุ่มตรวจสอบการทำงานของพนักงานเป็นประจำทุกเดือน

🔹 ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องในการขยายธุรกิจ

-ความเสี่ยง: ธุรกิจซื้อพอร์ต NPL ต้องใช้เงินลงทุนสูง หาก CHASE ไม่สามารถจัดหาเงินทุนได้เพียงพอ อาจเสียโอกาสในการเข้าซื้อพอร์ตหนี้ที่ดี ทำให้เติบโตได้ช้าลง

+มาตรการการรับมือ: CHASE มีฐานะการเงินที่แข็งแรง อัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ (0.21 เท่า ณ สิ้นปี 2567) และมีแผนใช้เงินเพิ่มทุน (จาก CHASE-W1) เพื่อเสริมสภาพคล่อง อีกทั้งยังมองหาพอร์ตขนาดเล็กที่ใช้เงินลงทุนไม่สูง เพื่อกระจายความเสี่ยง

โครงการในอนาคต

🔹 พัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน CHASE มุ่งพัฒนาระบบ Collection Management และ Arma Application ให้ทันสมัยมากขึ้น เช่น ระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้แบบ Real-Time และเพิ่มฟีเจอร์แชทบน Mobile App เพื่อติดต่อกับลูกหนี้โดยตรง ช่วยให้กระบวนการติดตามหนี้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดต้นทุนการดำเนินงาน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

🔹 ขยายพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) อย่างต่อเนื่อง CHASE วางแผนขยายพอร์ต NPL โดยเน้นไปที่หนี้ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นกว่า 96% ของพอร์ตทั้งหมด พร้อมมองหาโอกาสซื้อพอร์ตหนี้ใหม่ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพางานรับจ้างติดตามหนี้เพียงอย่างเดียว

🔹 ใช้เงินทุนเพื่อรองรับการเติบโตธุรกิจ CHASE มีแผนใช้เงินทุนที่ได้จากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ CHASE-W1 และเงินกู้จากสถาบันการเงิน เพื่อรองรับการประมูลซื้อพอร์ต NPL ใหม่ รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตระยะยาว

🔹 พัฒนากระบวนการทำงานเพื่อความยั่งยืน
CHASE ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และคำนึงถึงหลัก ESG โดยเน้นเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายการทวงถามหนี้ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาลูกค้าและนักลงทุน

🔹 เสริมความแข็งแกร่งของบุคลากรและธรรมาภิบาล CHASE มุ่งพัฒนาทักษะบุคลากร ทั้งด้านกฎหมาย การบริหาร NPL และการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้พร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล (Good Corporate Governance) และความโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น สถาบันการเงินคู่ค้า และลูกหนี้

กราฟราคาหุ้น : CHASE


** เพื่อนๆสามารถคลิ้กที่รูปกราฟ เพื่อติดตามข้อมูล RealTime ล่าสุดของวันนี้ได้นะ **

เว็บไซต์บริษัท :  CHASE
56-1 รายงานประจำปี 2567 (Annual Report) : คลิ้กที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

🔹 CHASE มีรายได้หลักจากธุรกิจใด? รายได้หลักของ CHASE มาจากธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) คิดเป็น 71.83% ของรายได้รวมปี 2567 โดยเน้นการซื้อหนี้ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ที่มีสัดส่วนสูงถึงกว่า 96% ของพอร์ต NPL รองลงมาคือรายได้จากธุรกิจติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน ซึ่งคิดเป็น 23.54% ของรายได้รวม และรายได้จากดอกเบี้ยสินเชื่อ Hope Loan ที่บริษัทยังคงติดตามชำระอยู่ คิดเป็น 4.19% โดยรายได้ทั้งหมดของ CHASE มาจากตลาดในประเทศไทย

🔹 จุดเด่นที่สุดที่ทำให้ CHASE น่าสนใจคืออะไร? จุดเด่นของ CHASE คือความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารจัดการหนี้ครบวงจร ทั้งการรับจ้างติดตามทวงถามหนี้ และการซื้อพอร์ต NPL เพื่อมาบริหารเอง ทำให้บริษัทสามารถสร้างความต่อเนื่องในงานและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้เพียงด้านเดียว อีกทั้ง CHASE มีประสบการณ์ในธุรกิจมากกว่า 20 ปี ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจหลายครั้ง จึงเข้าใจวัฏจักรเศรษฐกิจและการปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ได้ดี นอกจากนี้ ยังมีทีมกฎหมายกว่า 154 คนที่เชี่ยวชาญด้านคดีความและบังคับคดี ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ CHASE แตกต่างจากคู่แข่ง และช่วยเพิ่มโอกาสการจัดเก็บหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

🔹 CHASE มีแผนการเติบโตในอนาคตอย่างไร? ใน One Report 2567 ของ CHASE บริษัทมีแผนขยายพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยเน้นหนี้ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ซึ่งสร้างโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น พร้อมพัฒนาระบบเทคโนโลยี เช่น Collection Management และ Arma Application เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ รวมถึงลดต้นทุนการดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทมีแผนใช้เงินทุนจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ CHASE-W1 และการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อรองรับการประมูลซื้อพอร์ต NPL ใหม่ในอนาคต ทั้งยังมุ่งเน้นพัฒนากระบวนการทำงานให้เป็นไปตามหลัก ESG และปฏิบัติตามกฎหมายทวงถามหนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความยั่งยืนและความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุน

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 
ซื้อหุ้น CHASE ได้ที่ Liberator | ไม่มีขั้นต่ำ เซฟต้นทุนให้คุณตั้งแต่บาทแรก