สรุปหุ้น BBP : บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

BPP เชี่ยวชาญการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าครบวงจร ทั้งจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน ครอบคลุมโรงไฟฟ้าในไทย จีน สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศ ลูกค้าหลักคือผู้ใช้ไฟฟ้าในตลาดอุตสาหกรรมและตลาดเสรี จุดแข็งคือเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าทันสมัย มาตรฐานสากล และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน โดยมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และลงทุนผ่านโรงไฟฟ้าและบริษัทในเครือใน 8 ประเทศทั่วโลก


ข้อมูลเบื้องต้น

  ตลาดหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

  อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง: ทรัพยากร / พลังงานและสาธารณูปโภค

  SET ESG Ratings : AAA

  ขนาดบริษัท (Market Cap): 20,572.19 ล้านบาท

 ข้อมูลอัพเดท ณ วันที่ 01/07/68

 

สินค้า และ บริการ

กลุ่มธุรกิจ สินค้า/บริการหลัก รายละเอียด/กลุ่มเป้าหมาย
บริษัทในเครือ (ถ้ามี)
Thermal Power Plant ไฟฟ้าจากถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติ ผลิตไฟฟ้าขายเข้าตลาด หรือตาม PPA, กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม
BLCP, HPC, BKV-BPP
Renewable Power พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม ตลาด FiT จีน, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, เวียดนาม, สหรัฐฯ Banpu NEXT
Energy Technology Energy Trading, Battery Storage, e-Mobility, Carbon Capture Net Zero Solutions, Trading Electricity, Storage, EV ecosystem
Banpu NEXT, BKV-BPP Cotton Cove LLC

BPP สร้างรายได้หลักจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากทั้งเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน โดยมุ่งดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าแบบครบวงจรในไทย จีน สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง เช่น Ultra-supercritical และ CCGT รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีอนาคตอย่างการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) และระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดไฟฟ้าที่แข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

สัดส่วนรายได้จากแต่ละธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์ รายได้ปี 2566 (ล้านบาท) สัดส่วน % รายได้ปี 2567 (ล้านบาท) สัดส่วน % การเปลี่ยนแปลง
ไฟฟ้า 23,898.97 84.21% 21,556.84 83.47% 🟥ลดลง -9.80%
ไอน้ำ 3,922.96 13.82% 3,364.00 13.03% 🟥ลดลง -14.25%
น้ำร้อน น้ำเย็น และอื่นๆ 557.69 1.97% 906.12 3.51% 🟩เพิ่มขึ้น 62.48%
รวม 28,379.62 100.00% 25,826.96 100.00% 🟥ลดลง -8.99%

ข้อมูลล่าสุดของปี 2567 จาก 56-1 ของบริษัท

**สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ คลิกที่นี่  Liberator -เทรดหุ้นไทย หุ้น US - Apps on Google Play

 

ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

🔹 ฐานรายได้กระจายจากหลายแหล่งพลังงานและภูมิภาค
+BPP มีฐานรายได้หลักจากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน ครอบคลุมโรงไฟฟ้าใน 8 ประเทศ เช่น ไทย จีน และสหรัฐฯ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาตลาดหรือแหล่งเชื้อเพลิงใดแหล่งหนึ่งมากเกินไป

🔹 จุดแข็งด้านเทคโนโลยีและมาตรฐานการดำเนินงานสูง
+BPP มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น Ultra-supercritical และ CCGT รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีอนาคตอย่าง CCUS และ BESS ช่วยให้บริษัทแข่งขันได้ดีในตลาดไฟฟ้าเสรีและตอบโจทย์ ESG ได้อย่างเป็นรูปธรรม

🔹 ความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสภาพตลาดพลังงาน
+BPP แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัวทั้งด้านเทคโนโลยีและกลยุทธ์ เช่น การใช้เครื่องมือ Hedging ในตลาด ERCOT เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคาไฟฟ้า และการขยายพอร์ตโฟลิโอไปสู่พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน

🔹 โอกาสเติบโตจากการขยายกำลังผลิตและเทคโนโลยีพลังงานใหม่
+แม้บางโครงการยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่ BPP มีแผนลงทุนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติอีก 1,500 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 พร้อมรุกธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ เช่น โครงการ CCUS ในสหรัฐฯ และระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการเติบโตในอนาคต

ความเสี่ยงของธุรกิจและมาตราการการรับมือ

🔹 ความเสี่ยงจากความผันผวนของอุตสาหกรรมพลังงาน
-ความเสี่ยง: อุตสาหกรรมพลังงานมีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ราคาพลังงานโลก ความต้องการใช้ไฟฟ้า รวมถึงปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ หากราคาพลังงานตกต่ำ หรือความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง อาจกระทบต่อรายได้และกำไรของ BPP โดยเฉพาะตลาดไฟฟ้าเสรีที่มีความผันผวนสูง
+มาตรการการรับมือ: BPP กระจายการลงทุนในหลายประเทศและหลายเทคโนโลยี ทั้ง Thermal และ Renewable พร้อมใช้เครื่องมือ Hedging เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคาในตลาดไฟฟ้าเสรี เช่น ตลาด ERCOT ในสหรัฐอเมริกา

🔹 ความเสี่ยงจากการแข่งขันสูงและผู้เล่นรายใหม่
-ความเสี่ยง: ตลาดผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะพลังงานสะอาด กำลังมีผู้ประกอบการใหม่จำนวนมากเข้ามาแข่งขัน ทั้งในด้านเทคโนโลยีและราคา ส่งผลให้ BPP อาจเผชิญแรงกดดันทั้งด้านราคาขายไฟฟ้าและการรักษาส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะในตลาดเสรีอย่างสหรัฐอเมริกา
+มาตรการการรับมือ: BPP ลงทุนในเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง เช่น Ultra-supercritical, CCGT รวมถึงเทคโนโลยี CCUS และ BESS เพื่อสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนและลดคาร์บอน ซึ่งเป็นจุดขายที่คู่แข่งยังเข้ามาแทนที่ได้ยาก

🔹 ความเสี่ยงจากกฎหมายและนโยบายรัฐที่เปลี่ยนแปลง
-ความเสี่ยง: การดำเนินธุรกิจพลังงานเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบที่เข้มงวด เช่น มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม การปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือเงื่อนไขการขายไฟฟ้า หากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือเพิ่มข้อจำกัด ESG อาจกระทบการดำเนินงาน ต้นทุน หรือกำลังการผลิตของ BPP
+มาตรการการรับมือ: BPP ติดตามนโยบายพลังงานในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด และวางแผนลงทุนสอดคล้องกับแนวทางพลังงานสะอาด เช่น การลงทุนในโรงไฟฟ้า HELE, CCUS และพลังงานหมุนเวียน เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition)

🔹 ความเสี่ยงจากความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน
-ความเสี่ยง: BPP มีรายได้หลักในรูปสกุลเงินต่างประเทศ เช่น USD ขณะที่ค่าใช้จ่ายบางส่วนอาจเป็นสกุลบาท หากค่าเงินบาทแข็งค่ามาก อาจกระทบต่อกำไรเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาท รวมถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนสูงในตลาดโลก
+มาตรการการรับมือ: BPP ใช้นโยบาย Hedging ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งในรูปแบบธรรมชาติ (Natural Hedge) และการทำสัญญาการเงิน (Financial Hedge) เพื่อจำกัดผลกระทบจากค่าเงินที่ผันผวน

🔹 ความเสี่ยงด้านต้นทุนการดำเนินงานและเทคโนโลยี
-ความเสี่ยง: ธุรกิจโรงไฟฟ้ามีต้นทุนลงทุนสูง ทั้งค่าอุปกรณ์โรงไฟฟ้า เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น CCUS, BESS รวมถึงค่าบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายบุคลากร หากบริหารต้นทุนไม่ดี อาจกระทบอัตรากำไร และคืนทุนโครงการได้ช้าลง โดยเฉพาะในตลาดไฟฟ้าเสรีที่มีราคาผันผวนมาก
+มาตรการการรับมือ: BPP เน้นลงทุนในโรงไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ลดต้นทุนต่อหน่วย เช่น Ultra-supercritical และ CCGT พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการเดินเครื่องอยู่เสมอ รวมถึงมุ่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนที่มีต้นทุนผันแปรต่ำกว่าในระยะยาว เพื่อรักษาอัตรากำไรให้แข่งขันได้

โครงการในอนาคต

🔹 ฐานรายได้กระจายจากหลายแหล่งพลังงานและภูมิภาค BPP มีรายได้หลักจากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน ครอบคลุมการลงทุนในโรงไฟฟ้า 8 ประเทศ เช่น ไทย จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเวียดนาม ทำให้บริษัทมีรายได้จากหลายตลาด ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาประเทศหรือเชื้อเพลิงใดเชื้อเพลิงหนึ่งมากเกินไป และสร้างความมั่นคงของกระแสเงินสดในระยะยาว

🔹 จุดแข็งด้านเทคโนโลยีและมาตรฐานสากล BPP มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและบริหารโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Ultra-supercritical และ CCGT ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น Carbon Capture and Storage (CCUS) และระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ

🔹 ความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสภาพตลาดและนโยบายพลังงาน BPP แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวทั้งด้านเทคโนโลยีและกลยุทธ์การดำเนินงาน เช่น การใช้เครื่องมือ Hedging ในตลาดไฟฟ้าเสรี ERCOT สหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคาไฟฟ้า และการปรับพอร์ตลงทุนเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด เพื่อตอบสนองต่อกระแสการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่กำลังเป็นแนวโน้มสำคัญทั่วโลก

🔹 โอกาสเติบโตจากการขยายกำลังผลิตและเทคโนโลยีพลังงานใหม่แม้เอกสารยังไม่ระบุรายละเอียดของโครงการใหม่ทั้งหมด แต่ตลาดพลังงานสะอาดยังมีแนวโน้มเติบโตสูง BPP วางแผนลงทุนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติอีกกว่า 1,500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 และขยายธุรกิจไปสู่เทคโนโลยีใหม่ เช่น CCUS, BESS และการซื้อขายพลังงาน (Energy Trading) ซึ่งอาจสร้างรายได้และโอกาสเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

กราฟราคาหุ้น : BPP


** เพื่อนๆสามารถคลิ้กที่รูปกราฟ เพื่อติดตามข้อมูล RealTime ล่าสุดของวันนี้ได้นะ **

เว็บไซต์บริษัท :  BPP
56-1 รายงานประจำปี 2567 (Annual Report) : คลิ้กที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

🔹 BPP มีรายได้หลักจากธุรกิจใด? รายได้หลักของ BPP มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 83.47% ของรายได้รวมในปี 2567 โดยรายได้ส่วนใหญ่เกิดจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ และโรงไฟฟ้าถ่านหินในจีน รองลงมาคือรายได้จากการจำหน่ายไอน้ำคิดเป็น 13.03% และรายได้อื่น ๆ เช่น น้ำร้อน น้ำเย็น และบริการด้านพลังงานอีก 3.51% โดยรายได้เกือบทั้งหมดของ BPP มาจากตลาดต่างประเทศ สะท้อนการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ของบริษัท

🔹 จุดเด่นที่สุดที่ทำให้ BPP น่าสนใจคืออะไร? จุดเด่นของ BPP คือการมีพอร์ตการลงทุนที่กระจายตัวในหลายประเทศและหลากหลายเทคโนโลยี ทั้งพลังงานความร้อนและพลังงานหมุนเวียน ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหรือเชื้อเพลิงใดเชื้อเพลิงหนึ่ง อีกทั้ง BPP ยังเน้นลงทุนในเทคโนโลยีทันสมัย เช่น โรงไฟฟ้า CCGT, เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) และระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ซึ่งตอบโจทย์กระแสพลังงานสะอาดและ ESG และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ

🔹 BPP มีแผนการเติบโตในอนาคตอย่างไร? ใน One Report 2567 ของ BPP ระบุว่าบริษัทวางเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติอีกกว่า 1,500 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 รวมถึงการขยายการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น โครงการ CCUS ในสหรัฐฯ ที่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569 และการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน นอกจากนี้ BPP ยังมีแผนขยายพอร์ตโฟลิโอพลังงานหมุนเวียนในจีน เวียดนาม ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เพื่อตอบรับแนวโน้มพลังงานสะอาด และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 
ซื้อหุ้น BPP ได้ที่ Liberator | ไม่มีขั้นต่ำ เซฟต้นทุนให้คุณตั้งแต่บาทแรก