QE คืออะไร? เบื้องหลังนโยบาย ‘พิมพ์เงิน’ ที่นักลงทุนต้องเข้าใจ
QE คืออะไร? เบื้องหลังนโยบาย ‘พิมพ์เงิน’ ที่นักลงทุนต้องเข้าใจ
เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเราถึงได้ยินข่าว "ธนาคารกลางสหรัฐฯ พิมพ์เงิน" หรือ "Fed ทำ QE" บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจโลกดูไม่ค่อยดี พวกเขาพิมพ์เงินกันจริงๆ หรือ? แล้วการทำแบบนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินในกระเป๋าและพอร์ตการลงทุนของเราอย่างไร?
สำหรับนักลงทุน การเข้าใจกลไกที่ทรงพลังอย่าง QE ไม่ใช่แค่เรื่อง "รู้ไว้ใช่ว่า" แต่เป็น "กุญแจสำคัญ" ที่จะช่วยให้คุณอ่านทิศทางตลาดและปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ดียิ่งขึ้น วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันแบบเข้าใจง่ายๆ ตั้งแต่ต้นจนจบครับ
QE คืออะไรกันแน่? ไม่ใช่การพิมพ์แบงก์แบบที่เราคิด!
QE ย่อมาจาก Quantitative Easing หรือในชื่อไทยคือ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ เป็นนโยบายการเงิน "แบบไม่ปกติ" (Unconventional Monetary Policy) ที่ธนาคารกลางนำมาใช้ในภาวะวิกฤต
ลองนึกภาพเศรษฐกิจเป็นเหมือนพื้นที่เกษตรกรรมที่กำลังแห้งแล้ง ปกติธนาคารกลางจะปล่อยน้ำผ่านคลองสายหลัก (การลดดอกเบี้ย) แต่ถ้าลดดอกเบี้ยจนสุดแล้วน้ำก็ยังไม่พอ QE ก็เปรียบเสมือนการที่ธนาคารกลางเปิดเขื่อนขนาดใหญ่ ปล่อยน้ำมหาศาล (เงิน) เข้าไปในระบบโดยตรง เพื่อให้แน่ใจว่าสภาพคล่องจะไหลไปหล่อเลี้ยงทุกภาคส่วน
วิธีการของ QE ไม่ใช่การเปิดเครื่องพิมพ์ธนบัตรแล้วนำไปโปรยนะครับ แต่เป็นการที่ธนาคารกลาง สร้างเงินในรูปแบบดิจิทัล ขึ้นมา แล้วนำเงินนั้นไป เข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน จากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ
ผลที่เกิดขึ้นคือ: ปริมาณเงินในระบบการเงินเพิ่มขึ้นมหาศาล และงบดุลของธนาคารกลางก็จะขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ QE ไม่ใช่การพิมพ์ธนบัตรออกมาแจก อย่างที่เราเข้าใจ แต่เป็นการสร้างเงินในรูปแบบดิจิทัล เพื่อชำระค่าสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามา ทำให้งบดุลของธนาคารกลางขยายใหญ่ขึ้น
แล้วทำไมต้องมี QE? เมื่อยาแรงขนานเดิมใช้ไม่ได้ผล
โดยปกติเครื่องมือหลักที่ธนาคารกลางใช้กระตุ้นเศรษฐกิจคือ การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เมื่อดอกเบี้ยถูกลง ภาคธุรกิจและครัวเรือนก็จะมีแรงจูงใจในการกู้ยืมไปลงทุนและใช้จ่ายมากขึ้น
แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้า...ธนาคารกลางลดดอกเบี้ยจนเหลือเกือบ 0% แล้ว แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัว? ภาวะนี้เรียกว่า "กับดักสภาพคล่อง" (Liquidity Trap) หรือการติดอยู่ที่ "อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ศูนย์" (Zero Lower Bound) ซึ่งเป็นภาวะที่ทุกคนกังวลกับอนาคตจนไม่กล้าใช้เงิน แม้ดอกเบี้ยจะถูกแค่ไหนก็ตาม
นี่คือจุดที่ QE เข้ามามีบทบาทในฐานะ "พระเอกขี่ม้าขาว" เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องและกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ต่ำลงไปอีก เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่เครื่องมือปกติหมดประสิทธิภาพไปแล้ว
ผลกระทบของ QE: ทำไมนักลงทุนอย่างเราต้องจับตา?
การอัดฉีดเงินปริมาณมหาศาลเข้าระบบย่อมสร้างแรงกระเพื่อมรุนแรงต่อตลาดการเงิน นี่คือสิ่งที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจเพื่อหาโอกาสและจัดการความเสี่ยง
ข้อดี / โอกาสที่เกิดขึ้นจาก QE
-
สินทรัพย์เสี่ยงราคาพุ่งสูง (Asset Price Inflation): นี่คือหัวใจสำคัญ! เมื่อธนาคารกลางซื้อพันธบัตรจำนวนมาก ทำให้อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรลดต่ำลงจนไม่น่าสนใจ นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่จึงต้องนำเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรไปหาที่ลงทุนใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า นั่นก็คือ "ตลาดหุ้น" และสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "Portfolio Rebalancing Effect" ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวเป็นขาขึ้นรุนแรงในช่วงที่มีการทำ QE
-
ต้นทุนการเงินถูกลง: ธุรกิจสามารถกู้ยืมเงินมาขยายกิจการได้ในต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งอาจส่งผลดีต่อผลประกอบการและราคาหุ้นในระยะยาว
ข้อเสีย / ความเสี่ยงที่ต้องระวัง
-
ความเสี่ยงเงินเฟ้อรุนแรง: การมีเงินในระบบมากเกินไปในขณะที่สินค้าและบริการมีเท่าเดิม อาจกระตุ้นให้ราคาสินค้าและบริการ (เงินเฟ้อ) พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนควบคุมได้ยากในอนาคต
-
เกิดภาวะฟองสบู่ (Asset Bubbles): สภาพคล่องที่ล้นระบบอาจทำให้ราคาสินทรัพย์บางอย่าง เช่น หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ พุ่งสูงเกินปัจจัยพื้นฐานไปมาก เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ฟองสบู่แตก อาจสร้างความเสียหายรุนแรงต่อพอร์ตการลงทุนได้
-
การถอน QE อาจสร้างความผันผวน: วันใดที่ธนาคารกลางส่งสัญญาณว่าจะหยุดหรือลดขนาด QE (เรียกว่า QE Tapering หรือ QT) ตลาดมักจะตอบสนองในเชิงลบทันที เพราะเท่ากับว่าสภาพคล่องราคาถูกกำลังจะหายไป นักลงทุนจึงต้องติดตามการสื่อสารจากธนาคารกลางอย่างใกล้ชิด
QE ไม่ใช่แค่ศัพท์การเงินไกลตัว แต่เป็นหนึ่งในปัจจัยมหภาคที่ทรงอิทธิพลที่สุดต่อตลาดทุนในยุคปัจจุบัน การเคลื่อนไหวของมันสามารถกำหนดทิศทางของตลาดหุ้น สร้างทั้งโอกาสมหาศาลและความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง
การเข้าใจภาพใหญ่ของเศรษฐกิจมหภาคว่าเงินกำลังไหลไปทางไหน และธนาคารกลางของโลกกำลังคิดอะไรอยู่ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่รอบด้านและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
อยากติดอาวุธความรู้และอัปเดตเทรนด์การลงทุนให้ทันโลกอยู่เสมอใช่ไหม?
ติดตามบทความการลงทุนคุณภาพจากเราได้ที่นี่ เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกข้อมูลสำคัญในการวางแผนการลงทุนของคุณ!
อ้างอิงข้อมูลจาก :
ปล่อยน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้เศรษฐกิจด้วย QE vs สกัดเงินเฟ้อด้วย QT | ธนาคารแห่งประเทศไทย
สหรัฐอเมริกา ทำ QE อย่างหนัก แต่ทำไมเงินไม่เฟ้อ ในปีที่ผ่านมา | ลงทุนแมน
Quantitative Easing (QE): What It Is and How It Works | Investopedia