พาเจาะหุ้น Eli Lilly (LLY) บริษัทที่กำลังเปลี่ยนโลกสุขภาพด้วยนวัตถกรรมลดอ้วน

หุ้น LLY คือใคร ทำธุรกิจอะไร
Business Summary
Eli Lilly and Company เป็นบริษัทยายักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งขึ้นในปี 1876 ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 45,000 คนทั่วโลก
จุดเด่นของ Lilly คือการพัฒนา “ยาที่มีนวัตกรรมสูง” โดยเฉพาะในกลุ่มโรคหลัก ได้แก่
- เบาหวาน (Diabetes)
- โรคอ้วน (Obesity)
- มะเร็ง (Oncology)
- โรคทางระบบประสาท (Neuroscience)
- ภูมิคุ้มกัน (Immunology)
ผลิตภัณฑ์เด่นของ Lilly ได้แก่
- Mounjaro / Zepbound (Tirzepatide) — ยาเบาหวานที่ต่อยอดเป็นยาลดน้ำหนัก
- Verzenio — ยารักษามะเร็งเต้านม
- Taltz / Olumiant — ยากลุ่มภูมิคุ้มกัน
- Donanemab — ยาชะลออัลไซเมอร์ ที่อยู่ระหว่างรออนุมัติในสหรัฐฯ
จุดแข็งของหุ้น LLY
1. เป็นผู้นำ “ยุคใหม่ของยาลดน้ำหนักโลก”
Zepbound (ชื่อการค้าในสหรัฐฯ ของ tirzepatide) กลายเป็น “ยาดาวรุ่ง” ที่สร้างรายได้หลักใหม่ให้บริษัท
ข้อมูลจากการทดลองทางคลินิก (SURMOUNT-5, ปี 2024) ระบุว่า
+ ผู้ใช้ Zepbound ลดน้ำหนักเฉลี่ยได้ 20.2%
+ มากกว่า Wegovy (ของ Novo Nordisk) ที่ลดเฉลี่ย 13.7%
ถือเป็นครั้งแรกที่ Lilly แซง Novo Nordisk ซึ่งเคยผูกขาดตลาดนี้มานาน
2. พอร์ตธุรกิจที่กระจายมากกว่า Novo Nordisk
แม้รายได้หลักจะมาจากยาลดน้ำหนัก แต่ Lilly ยังมี
+ สาย มะเร็ง (Verzenio) ที่เติบโตแรง
+ ยา ภูมิคุ้มกัน (Taltz, Omvoh)
+ ยา ระบบประสาท (Donanemab) ที่อาจเปิดตลาดใหม่ขนาดใหญ่
ต่างจาก Novo Nordisk ที่พึ่งรายได้กว่า 80% จากกลุ่ม Diabetes / Obesity
ซึ่งทำให้ Lilly มีความยืดหยุ่นกว่า หากตลาดยาลดน้ำหนักเริ่มอิ่มตัว
ความท้าทายและความเสี่ยงของ LLY
-
กำลังการผลิตยาไม่พอความต้องการ
ความนิยมของ Mounjaro/Zepbound ทำให้หลายประเทศขาดตลาด
Lilly กำลังลงทุนกว่า $10,000 ล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานใหม่ในสหรัฐฯ และยุโรป -
การแข่งขันรุนแรงกับ Novo Nordisk
Novo อยู่ในช่วงทดสอบ semaglutide ขนาดสูง (7.2 mg) ซึ่งให้ผลลดน้ำหนักใกล้เคียง tirzepatide
หากได้รับอนุมัติเร็ว อาจลดช่องว่างทางตลาด -
ความเสี่ยงจากราคาและการเบิกจ่ายประกันสุขภาพ (Reimbursement)
ยากลุ่มนี้มีราคาสูงมากกว่า $1,000 ต่อเดือน และยังมีประเทศที่ไม่ครอบคลุมการเบิกยา
5+1 วิธีดู Key ของธุรกิจหุ้นยาอย่าง LLY
1. Product Revenue Share (สัดส่วนรายได้ของยาเรือธง)
+ ดูว่ายาตัวหลักสร้างรายได้คิดเป็นกี่ % ของบริษัท
+ ถ้ายังโตแรง → หุ้นมี momentum
+ ถ้าเริ่มแผ่ว → ต้องดูว่ายาตัวใหม่จะมาทดแทนได้ไหม
LLY ตอนนี้:
Mounjaro + Zepbound รวมกว่า 45% ของรายได้ และยังโต QoQ
→ หมายถึง “เส้นรายได้ใหม่” กำลังขึ้นแทนยาเก่าที่อิ่มตัว
2. R&D Expense as % of Revenue (งบวิจัยต่อรายได้)
+ เป็นตัวชี้ว่าองค์กร “เดิมพันอนาคต” แค่ไหน
+ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมยาอยู่ที่ 15–18%
+ ถ้าบริษัทไหนกล้าใช้ >20% = เน้นนวัตกรรมสูง
LLY ใช้ราว 20–22% ของรายได้กับ R&D
→ ถือว่ากล้า “ลงทุนเพื่ออนาคต” มากกว่า Big Pharma ส่วนใหญ่
3. Gross Margin (อัตรากำไรขั้นต้น)
+ เป็นตัววัด “พลังเทคโนโลยี” ของยา
+ ยาที่มีสิทธิบัตรเฉพาะตัวจะมี Margin สูงมาก เพราะต้นทุนการผลิตต่ำ
+ ค่าเฉลี่ยกลุ่ม Pharma ใหญ่ ~70–75%
LLY อยู่ที่ ~84%
→ แสดงถึง “อำนาจผูกขาดทางเทคโนโลยี” และ Pricing Power สูง
4. FDA Pipeline & Approvals (จำนวนยาในขั้นทดลอง / ได้อนุมัติ)
+ คือ “เครื่องยนต์รายได้ใหม่” ของอนาคต
+ ยา 1 ตัว ผ่านทุก Phase ต้องใช้เวลา 8–12 ปี
+ นักลงทุนต้องดูว่า pipeline มีอยู่กี่ตัว และอยู่ใน Phase 3 เท่าไร
LLY ปัจจุบัน:
มี กว่า 25 โครงการใน Phase 2–3 เช่น donanemab (อัลไซเมอร์), orforglipron (GLP-1 oral)
→ ถ้าผ่าน FDA = โอกาสเปิดตลาดใหม่มหาศาล
5. Manufacturing Capacity Growth (การขยายกำลังผลิต)
+ เป็นจุดสำคัญใน “เกมยาลดน้ำหนัก” เพราะความต้องการสูงกว่าผลิตทัน
+ บริษัทที่ผลิตได้มากกว่าจะกินส่วนแบ่งตลาดได้ก่อน
+ ติดตามได้จาก Capex และประกาศสร้างโรงงาน
LLY:
ลงทุนกว่า $10,000 ล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานใหม่ใน Indiana, North Carolina, Ireland
→ เตรียมผลิตยา GLP-1 ป้อนตลาดระยะ 3–5 ปีข้างหน้า
6. Market Adoption & Reimbursement (การยอมรับของตลาดและระบบประกันสุขภาพ)
+ แม้ยาเก่งแค่ไหน ถ้าประกันไม่ครอบคลุม คนก็เข้าถึงยาก
+ ต้องดูว่า “ยาถูกนำไปใช้จริง” ในสัดส่วนเท่าไร และมีประเทศไหนอนุมัติแล้วบ้าง
LLY ตอนนี้:
Zepbound ได้รับการเบิกจ่ายในบางรัฐของสหรัฐฯ และเตรียมขยายไปยุโรป
→ เมื่อ adoption สูงขึ้น = ยอดขายจะขยับเป็น exponential
| Key Metric | สำหรับนักลงทุน |
|---|---|
| Product Revenue Share | ดูว่าบริษัทมี “ยาเรือธง” ที่โตต่อได้ไหม |
| R&D % of Revenue | สะท้อนการลงทุนในอนาคต |
| Gross Margin | วัดอำนาจเทคโนโลยีและสิทธิบัตร |
| FDA Pipeline | โอกาสรายได้ใหม่ในอนาคต |
| Capacity Growth | ความสามารถรองรับดีมานด์ตลาด |
| Market Adoption | ความเร็วในการเปลี่ยนยาใหม่เป็นยอดขายจริง |
ในภาพรวม LLY เป็นหนึ่งในหุ้น Healthcare ที่เติบโตแบบ Tech Company
ทั้งรายได้และมาร์เก็ตแคป (มูลค่าตลาดมากกว่า $800 พันล้านดอลลาร์)
===================
ที่มา (References)
Investor Relations – Eli Lilly and Company
==================================
Disclaimer:
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่นักลงทุนเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน
นักลงทุนควรศึกษาลักษณะสินค้าและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด
ก่อนตัดสินใจ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดพิจารณาให้รอบคอบ
==================================
