L&I ETFs คืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ ก่อนใช้จริง
L&I ETFs คืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ ก่อนใช้จริง
การลงทุนสมัยนี้มีเครื่องมือทางการเงินให้เลือกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ L&I ETFs หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Leveraged และ Inverse ETFs หลายคนอาจเคยเห็นชื่อ แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร เหมาะกับใคร และมีความเสี่ยงอย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักแบบละเอียด แต่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เพื่อให้คุณเข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง
ETF ปกติคืออะไร?
ก่อนอื่น มารู้จัก “ETF” แบบพื้นฐานกันก่อน
ETF (Exchange Traded Fund) คือกองทุนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นเหมือนหุ้นตัวหนึ่ง โดยกองทุนจะลงทุนตามดัชนีที่อ้างอิง เช่น ดัชนี SET50, ดัชนี S&P500 หรือดัชนี Nasdaq ถ้าดัชนีขึ้น ETF ก็ขึ้นตาม ถ้าดัชนีลง ETF ก็ลงตาม เหมาะกับคนที่อยากลงทุนตามดัชนีใหญ่ ๆ โดยไม่ต้องเลือกหุ้นเอง
ETF คืออะไร? มาทำความรู้เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนไร้พรมแดน
L&I ETFs ต่างจาก ETF ปกติยังไง?
1) Leveraged ETF (เลเวอเรจ ETF)
คือกองทุนที่ “ขยายผลตอบแทน” ของดัชนีให้มากขึ้น เช่น
ดัชนีขึ้น +1% → กองทุน 2X จะพยายามขึ้น +2%
ดัชนีลง -1% → กองทุน 2X จะพยายามลง -2%
พูดง่าย ๆ คือเหมือนการใส่เกียร์เร่ง ถ้าตลาดไปทางที่เราคิดถูก เราจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติ
2) Inverse ETF (อินเวิร์ส ETF)
คือกองทุนที่ “ทำตรงข้าม” กับดัชนี เช่น
ดัชนีลง -1% → กองทุน -1X จะพยายามขึ้น +1%
ดัชนีลง -1% → กองทุน -2X จะพยายามขึ้น +2%
พูดง่าย ๆ คือเหมือนเครื่องมือที่ใช้ เก็งกำไรตอนตลาดลง หรือใช้เป็น เกราะป้องกัน (เฮดจ์) พอร์ตลงทุนของเรา
ทำไมถือ L&I ETFs นาน ๆ ผลไม่ตรงตามที่คิด?
นักลงทุนมือใหม่มักเข้าใจผิดว่า ถ้าดัชนีขึ้น 10% ใน 1 เดือน กองทุน 2X ก็น่าจะขึ้น 20% ใช่ไหม?
ความจริงไม่ใช่แบบนั้น
เพราะ L&I ETFs มีระบบที่เรียกว่า Daily Reset หมายความว่ากองทุนจะ “รีเซ็ตใหม่ทุกวัน” ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย X เท่าหรือ -X เท่า ผลลัพธ์จริงเมื่อถือหลายวันจึงขึ้นกับเส้นทางการเคลื่อนไหวของตลาด (Path Dependency) ไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นกับจุดสิ้นสุด
อีกทั้งยังมีเรื่องของ Compounding Effect (ผลทบต้น) ที่ทำให้กำไรหรือขาดทุนในแต่ละวันไปซ้อนทับกันต่อเนื่อง ทำให้ผลตอบแทนสุดท้ายอาจ “เบี่ยงเบน” จากที่เราคาดไว้
ตัวอย่างง่าย ๆ ที่เห็นภาพ
1) ตลาดขึ้นแรงต่อเนื่อง
ดัชนีขึ้นวันละ +10% ต่อเนื่อง 4 วัน → ดัชนีรวม +46%
กองทุน 2X ได้ +107% (มากกว่าสองเท่าด้วยซ้ำ)
ถ้าตลาดเป็นขาขึ้นยาว ๆ เลเวอเรจ ETF อาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่คิด
Source : Nasdaq
2) ตลาดลงแรงต่อเนื่อง
ดัชนีลงวันละ -10% ต่อเนื่อง 4 วัน → ดัชนีรวม -34%
กองทุน 2X ขาดทุน -59% (น้อยกว่าสองเท่า)
ในตลาดขาลง กองทุน 2X ก็ยังขาดทุนมาก แต่ไม่ตรงเป๊ะกับ -68% ที่คิดแบบเส้นตรง
Source : Nasdaq
3) ตลาดแกว่งไปมา (Sideway)
ดัชนีขึ้นลงไปมา สุดท้ายกลับมาที่เดิม 0%
แต่กองทุน 2X กลับขาดทุน -7%
เพราะความผันผวนและผลทบต้น ทำให้แม้ดัชนีไม่เปลี่ยนแปลง แต่เลเวอเรจ ETF ก็สูญเสียมูลค่าได้
Source : Nasdaq
เหมาะกับใคร?
✅ นักลงทุนที่มี มุมมองระยะสั้น ชัดเจน เช่น คิดว่าพรุ่งนี้ตลาดจะขึ้นหรือลงแรง
✅ คนที่อยากใช้เป็น เครื่องมือเก็งกำไร ช่วงสั้น ๆ
✅ นักลงทุนที่อยากใช้เป็น เกราะป้องกัน (Hedge) ชั่วคราว
แต่ไม่เหมาะกับ
❌ คนที่อยาก ซื้อแล้วถือยาว เพราะผลตอบแทนจะเบี่ยงเบนมาก
❌ คนที่ ไม่มีเวลาติดตามตลาด ทุกวัน
❌ นักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจความเสี่ยง
ข้อควรระวังสำคัญ
Volatility Drag – ถ้าตลาดแกว่งแรง ผลทบต้นจะทำให้กองทุน “กร่อนค่า” แม้ดัชนีจะกลับมาที่เดิม
ค่าธรรมเนียมและสเปรด – กองทุนมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ และบางครั้งสภาพคล่องอาจไม่หนาแน่น
Gap Risk – ถ้าตลาดเปิดกระโดดแรง กองทุนก็อาจขาดทุนหนักทันที
ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ – L&I ETFs ไม่ได้เหมาะกับทุกสถานการณ์ และไม่ควรใช้เป็นการลงทุนหลักในระยะยาว
วิธีใช้ L&I ETFs สำหรับคนที่อยากเทรด
กำหนดกรอบเวลา ชัดเจน เช่น ใช้เพื่อเก็งกำไร 1–3 วัน
ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-loss) และจุดทำกำไรล่วงหน้า
บริหารขนาดการลงทุน อย่าลงเยอะเท่ากับ ETF ปกติ เพราะเลเวอเรจทำให้ความเสี่ยงขยายตาม
ติดตามตลาดทุกวัน เพราะกองทุนรีเซ็ตทุกวัน คุณเองก็ต้องรีเซ็ตมุมมองทุกวันเช่นกัน
ใช้เพื่อเสริมพอร์ต ไม่ใช่เป็นพอร์ตหลัก
การลงทุนใน L&I ETFs มีความเสี่ยงสูงและอาจทำให้ขาดทุนได้เกินกว่าการลงทุนในกองทุน ETF ทั่วไป นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
✨ อยากเทรดให้มั่นใจขึ้น เริ่มจาก “อ่านกราฟเป็น”
แค่มีบัญชีกับ Liberator ก็เรียนฟรี!
📈 มากกว่า 70 คลาส ครบที่สุดในประเทศ
✔️ กราฟแท่งเทียน
✔️ เทคนิควิเคราะห์แนวรับ–แนวต้าน
✔️ จิตวิทยาการเทรด
✔️ สอนตั้งแต่พื้นฐาน → ขั้นสูง
ไม่ต้องห่วงว่าจะเริ่มตรงไหน เพราะเราจัดเส้นทางการเรียนให้ครบ