เมื่อ “ค่าเงิน” ผันผวน คือโอกาสหรือวิกฤต?

ในโลกการเงินปัจจุบัน ปัจจัยมหภาคอย่างดอกเบี้ยเฟด (Fed), ภาวะเงินเฟ้อ และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ล้วนส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับเงินบาท (USD/THB) มีความผันผวนสูงมาก บางเดือนแข็งค่าเร็ว บางเดือนอ่อนค่าลงจนน่าตกใจ

สำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการ การปล่อยให้ "โชคชะตา" กำหนดกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไป หลายคนรู้จัก USD Futures กันดีอยู่แล้ว แต่ในตลาด TFEX ยังมีอีกหนึ่งเครื่องมือที่เปรียบเสมือน "Hidden Gem" นั่นคือ "USD Options" (ดอลลาร์ออปชั่น)

ทำไมเครื่องมือนี้ถึงถูกเรียกว่าเป็นทางเลือกที่ "ชาญฉลาด"? และทำไมมันถึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการจำกัดความเสี่ยง?

Liberator จะพาคุณไปแกะกล่องดูเครื่องมือนี้กันครับ

 

USD Options คืออะไร?

USD Options คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทหนึ่งในตลาด TFEX ที่ให้ "สิทธิ" (Right) แก่ผู้ซื้อ ในการซื้อหรือขายดอลลาร์สหรัฐ ตามราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า (Strike Price) ในอนาคต

จุดสำคัญที่สุดที่ทำให้ Options ต่างจาก Futures คือคำว่า "สิทธิ" ครับ

ในสัญญา Futures: คู่สัญญา มีภาระผูกพัน ต้องซื้อหรือขายตามราคาที่ตกลง ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน

ในสัญญา Options: ผู้ซื้อ มีสิทธิเลือก ว่าจะใช้สิทธินั้นหรือไม่ก็ได้ (ถ้าขาดทุนก็แค่ไม่ใช้สิทธิ)

โครงสร้างของ USD Options แบ่งเป็น 2 ประเภท

  1. Call Options (สิทธิในการซื้อ):
    เหมาะกับคนที่มองว่า "ดอลลาร์จะแข็งค่า" (เงินบาทอ่อน)
    เช่น ผู้นำเข้าที่กลัวต้นทุนของแพง หรือนักเก็งกำไรขาขึ้น

  2. Put Options (สิทธิในการขาย):
    เหมาะกับคนที่มองว่า "ดอลลาร์จะอ่อนค่า" (เงินบาทแข็ง)
    เช่น ผู้ส่งออกที่กลัวแลกเงินบาทได้น้อยลง หรือนักเก็งกำไรขาลง

 

มุมมอง "ผู้ซื้อ" (Long Options)

จุดเด่นที่สุดของการเป็นผู้ซื้อคือ "กำไรไม่จำกัด แต่ขาดทุนจำกัด" คุณจะรู้ความเสี่ยงสูงสุดตั้งแต่วันแรก นั่นคือเงินค่าพรีเมียม (Premium) ที่จ่ายไป ไม่ต้องวางเงินหลักประกัน (Margin) ไม่ต้องกลัวโดน Force Sell

1. Long USD Call Options (ซื้อสิทธิซื้อ)

เหมาะกับ: ตลาดขาขึ้น (Bullish) มองว่าเงินบาทจะ "อ่อนค่า" (ดอลลาร์แพงขึ้น)

จุดเด่น: มีอัตราทด (Leverage) สูง จ่ายค่าพรีเมียมเพียงนิดเดียวเพื่อจองสิทธิซื้อดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าแรงๆ ราคา Options จะพุ่งขึ้นเป็นทวีคูณ

ข้อดี: ไม่ต้องเฝ้าจอ ไม่ต้องกลัวตกรถ หากผิดทาง (บาทแข็ง) ก็ทิ้งสิทธิเสียแค่ค่าพรีเมียม

2. Long USD Put Options (ซื้อสิทธิขาย)

เหมาะกับ: ตลาดขาลง (Bearish) มองว่าเงินบาทจะ "แข็งค่า" (ดอลลาร์ถูกลง)

จุดเด่น: ใช้เงินน้อยในการเก็งกำไรขาลง หรือใช้ป้องกันความเสี่ยงให้พอร์ต

กลยุทธ์แนะนำ: Protective Put
คือการที่เรามีเงินดอลลาร์หรือสินทรัพย์ต่างประเทศอยู่แล้ว (กลัวขาดทุนค่าเงิน) จึงซื้อ Put Options ไว้เป็น "ประกันภัย"
ผลลัพธ์: ถ้าบาทแข็งค่า (ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน) เราจะได้กำไรจาก Put มาชดเชย แต่ถ้าบาทอ่อน (ได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยน) เราก็แค่ทิ้งค่าพรีเมียมไป แล้วรับกำไรจากสินทรัพย์เต็มๆ

 

มุมมอง "ผู้ขาย" (Short Options)

ฝั่งผู้ขายคือผู้ที่มองเกมต่างออกไป พวกเขาไม่ได้หวังรวยเปรี้ยงปร้างจากทิศทางราคา แต่ต้องการ "รายได้สม่ำเสมอ" จากค่าพรีเมียม โดยยอมแลกกับ "กำไรที่จำกัด" แต่มีความเสี่ยงทางทฤษฎีที่ไม่จำกัด (ต้องวางหลักประกันให้เพียงพอ)

1. Short USD Call Options (ขายสิทธิซื้อ)

เหมาะกับ: ตลาดไซด์เวย์ หรือ มองว่า "ไม่ขึ้น" (บาทไม่อ่อนค่าไปกว่านี้)

จุดเด่น: ได้รับเงินค่าพรีเมียมเข้ากระเป๋าทันที และจะได้เปรียบเรื่อง "เวลา" (Time Decay) ยิ่งใกล้วันหมดอายุ มูลค่า Options ยิ่งลดลง (เข้าทางผู้ขาย)

กลยุทธ์แนะนำ: Covered Call
เหมาะสำหรับคนที่มีเงินดอลลาร์ถืออยู่ในมือ แล้วมองว่าช่วงนี้ราคาคงไม่ไปไหน
วิธีการ: ขาย Call Options ออกไปเพื่อรับค่าขนม (Premium) เพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ต
ความเสี่ยง: ถ้าดอลลาร์พุ่งแรงมากๆ เราต้องขายดอลลาร์ที่มีให้เขาในราคา Strike Price (เสียโอกาสขายแพงกว่านั้น แต่ไม่ขาดทุนตัวเงินเพราะมีของอยู่แล้ว)

 

2. Short USD Put Options (ขายสิทธิขาย)

เหมาะกับ: ตลาดไซด์เวย์ หรือ มองว่า "ไม่ลง" (บาทไม่แข็งค่าไปกว่านี้)

จุดเด่น: ได้รับค่าพรีเมียมทันที และใช้เป็นกลยุทธ์ในการรอซื้อของถูกได้

กลยุทธ์แนะนำ: Cash Secured Put
เหมาะสำหรับคนที่ "อยากแลกเงินดอลลาร์" แต่คิดว่าเรตปัจจุบันแพงไป อยากได้เรตที่ถูกลง

วิธีการ: ขาย Put Options ที่ Strike Price ต่ำๆ (ราคาที่เราอยากซื้อ) พร้อมกันเงินสดบาทไว้รอ

ผลลัพธ์ A: ถ้าบาทไม่แข็งไปถึงจุดนั้น -> เรากินฟรีค่าพรีเมียม (ได้เงินฟรีๆ)

ผลลัพธ์ B: ถ้าบาทแข็งจนหลุด Strike Price -> เราได้แลกเงินดอลลาร์ในราคาที่อยากได้ (แถมต้นทุนถูกลงอีก เพราะได้ค่าพรีเมียมมาช่วยลดต้นทุน)

 

 

หัวข้อ ลักษณะของสัญญา – USD/THB OPTIONS
สินค้าอ้างอิง อัตราแลกเปลี่ยน USD/THB
ชื่อย่อสัญญา USD…C (คอลออปชั่น)
USD…P (พุทออปชั่น)
ขนาดของสัญญา 1,000 USD
เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ เดือนใกล้ 3 เดือนติดต่อกัน และเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ใกล้ที่สุดอีก 1 เดือน
การเสนอราคาซื้อขาย บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ (ทศนิยม 2 ตำแหน่ง)
ช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำ 0.01 บาท (มูลค่า Tick = 10 บาท)
การเปลี่ยนแปลงของราคาสูงสุดแต่ละวัน ±4% ของอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB ของวันทำการก่อนหน้า
เวลาซื้อขาย
ช่วง Pre-open เวลาซื้อขาย
Morning 09:15 - 09:45 น. 09:45 - 12:30 น.
Afternoon 13:15 - 13:45 น. 13:45 - 16:55 น.
จำนวนการถือครองสัญญาสูงสุด ห้ามมีฐานะรวมสุทธิใน USD/THB Futures และ USD/THB Options เมื่อคำนวณฐานะเทียบเท่ากับฐานะใน USD/THB Futures (แบบ Delta Equivalent Positions) ในเดือนใดเดือนหนึ่งหรือทุกเดือน รวมกันเกิน 20,000 สัญญา
วันซื้อขายวันสุดท้าย สัญญาจะสิ้นสุดในเวลา 11:00 น. ในวันทำการก่อนวันสุดท้ายของเดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ
ราคาที่ใช้ชำระราคา (วันสุดท้าย) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ประกาศโดย Refinitiv เวลา 11:00 น. ในวันซื้อขายวันสุดท้าย
วิธีการชำระราคา ชำระราคาเป็นเงินสด (Cash Settlement)
ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการซื้อขาย ไม่เกิน 1 บาทต่อสัญญา โดยเรียกเก็บจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขาย ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่มีข้อกำหนดเรื่องค่าธรรมเนียมนายหน้าการซื้อขาย อัตราค่าธรรมเนียมสามารถต่อรองได้เสรี

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงสรุปลักษณะของสัญญาเพื่อความเข้าใจโดยย่อ

ข้อมูลอ้างอิง : TFEX USD/THB Options

 

แอปเดียวลงทุนได้หลายสินทรัพย์

ลงทุนแล้วมีเป้าหมายการลงทุนหลายอย่าง เช่น ลงทุนระยะยาวเตรียมเกษียณ, เก็งกำไรสั้นๆ หาเงินซื้อความสุข เราทำได้เลยบนแอปของ Liberator เพราะเปิดให้ลงทุนได้ทั้งหุ้นไทย, หุ้นอเมริกา, กองทุนรวม และ TFEX 

ซื้อขายได้ทั้งบนแอปมือถือ บน PC และบน Tradingview

 

Liberator มี Tradingview ให้ใช้ได้ด้วยนะ

 

คลาสเรียนพัฒนาทักษะ Options

Liberator เรามีจัดกิจกรรม Classroom ชวนวิทยากรมือโปรมาให้ความรู้นักลงทุนอยู่สม่ำเสมอ และเราก็บันทึกไว้ให้พวกเราทุกคนดูย้อนหลังได้ ตัวอย่างคอร์ส เช่น 

  • Options Made Easy โดย คุณประภาส กิจแสงภักดี
  • Options วิถีแห่งการสร้างกำไรจากความไม่แน่นอน โดย คุณสุเทพ แสงวิโรจนพัฒน์

===================