เงินทำงานแทนเราได้จริงไหม? แค่ออมเงินทุกเดือน ก็มีเงินล้านได้จริงหรือเปล่า?

เวลาพูดว่า “ให้เงินทำงานแทนเรา” หลายคนมักนึกภาพ มีเงินก้อนใหญ่ เอาไปลงทุน แล้วนั่งสบาย ๆ รอรับผลตอบแทน แต่จริง ๆ แล้ว 

เราสามารถเริ่มต้นจากเงินเล็ก ๆ ได้เลย แค่เข้าใจหลัก “ดอกเบี้ยทบต้น” และออมอย่างสม่ำเสมอ

FINCODE ดอกเบี้ยทบต้น: โค้ดลับที่เปลี่ยนคนธรรมดาให้มีเงินเก็บ

ดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest)
กลไกการเงินที่ Albert Einstein ถึงกับยกให้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก”

ลองนึกภาพลูกหิมะที่กลิ้งลงจากเขา ยิ่งกลิ้งนาน ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ…
ดอกเบี้ยทบต้นก็ทำงานเหมือนกัน ยิ่งนานยิ่งโต และจะโตจนเราคาดไม่ถึง

ดอกเบี้ยทบต้นคืออะไร?

ดอกเบี้ยทบต้น หมายถึง การนำดอกเบี้ยที่ได้รับในแต่ละงวดมารวมกับเงินต้น และคิดดอกเบี้ยใหม่จากยอดเงินต้นที่ใหญ่ขึ้นนั้น

ผลลัพธ์ก็คือ…
เงินของเราไม่ได้โตแบบเส้นตรง แต่โตแบบ “ทวีคูณ” ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งแรง

ตัวอย่างง่าย ๆ

ปีที่ 1: ฝาก 1,000 บาท ดอกเบี้ย 5% → รวม 1,050 บาท

ปีที่ 2: คิดดอกเบี้ยจาก 1,050 → ได้ดอก 52.5 → รวม 1,102.5 บาท

ปีที่ 3: คิดดอกเบี้ยจาก 1,102.5 → ได้ดอก 55.13 → รวม 1,157.63 บาท

เงินดูเหมือนเพิ่มไม่เยอะในช่วงแรก แต่ถ้าปล่อยไว้เป็นสิบ ๆ ปี มันจะเพิ่มขึ้นจนเราคาดไม่ถึง

หลักการทำงานของดอกเบี้ยทบต้น

ดอกเบี้ยทบต้นมี 3 ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดความ “ฟิน” ของเราในอนาคต

1. จำนวนเงินต้น – ยิ่งเริ่มด้วยก้อนใหญ่ พลังยิ่งมาไว

2. เวลา – ยิ่งปล่อยนาน เงินงอกทบเข้าไปเรื่อย ๆ

3. อัตราดอกเบี้ย – ยิ่งสูง ผลยิ่งทวีคูณ

เวลาคืออาวุธลับของนักลงทุนธรรมดา ๆ ที่อยากเห็นเงินล้านในอนาคต นี่แหละเหตุผลที่ทำไมเราควรเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่ตอนอายุยังน้อย

เรามาดูตัวอย่าง ง่ายๆและเราทำตามได้

ถ้าเราออมเงิน เดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่อายุ 25 ปี จนถึง 60 ปี (35 ปีเต็ม) ที่ดอกเบี้ยเฉลี่ย 5% ต่อปี (ทบต้นรายเดือน)

เงินต้นที่เราใส่ไปจริง ๆ = 840,000 บาท

เงินปลายทาง = 2.27 ล้านบาท

ส่วนต่างที่งอกขึ้นมา = 1.43 ล้านบาท (มากกว่าเงินต้นเกือบเท่าตัว!)

นี่แหละ พลังของการ “ให้เงินทำงานแทนคุณ” และถ้าเราเก่งขึ้นเราสามารถเปลี่ยนวิธีการลงทุนได้ดีขึ้นทำผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้น การเติบโตยิ่งจะดีขึ้นอีก
รู้ไหมว่า  ผลตอบตอบเฉลี่ยย้อนหลัง ดัชนี S&P500 10% ต่อปี

ตารางเปรียบเทียบให้เห็นภาพ

โค้ดลับนี้ใช้ใน “การลงทุน” ยังไง?

หุ้น (Stock)

1. Reinvest เงินปันผล (DRIP หุ้น)
   เอาปันผลมาซื้อหุ้นเพิ่ม แทนที่จะเอาไปใช้

เริ่มต้นมี 1,000 หุ้น → ได้ปันผล → ซื้อเพิ่มเรื่อย ๆ

อีก 20 ปี หุ้นคุณอาจงอกเป็น 2,000+ หุ้น โดยไม่ต้องควักเพิ่ม

2. Capital Gain Reinvestment
   ขายหุ้นได้กำไร เอาเงินทั้งหมดไปลงทุนต่อ

ฐานเงินลงทุนจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

3. DCA (Dollar Cost Averaging)
   ซื้อหุ้นจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน → ได้หุ้นเพิ่มช่วงราคาถูก ลดต้นทุนเฉลี่ย

กองทุนรวม (Mutual Fund)

1. กองทุนสะสมมูลค่า (Accumulating Fund)
   ไม่จ่ายปันผล แต่ทบกลับเข้าไป → เงินงอกเอง

2. DRIP (Dividend Reinvestment Plan)
   กองทุนที่จ่ายปันผล ก็ใช้เงินปันผลซื้อหน่วยเพิ่มทันที

แล้วปัจจัยไหนทำให้คนที่ออมไม่ประสบความสำเร็จ

ถอนกำไรไปใช้ : เงินหาย เครื่องหยุดทำงาน

หยุดลงทุนตอนตลาดลง : พลาดเก็บของถูก เราไม่รู้เลยว่าตลาดจะลงถึงเท่าไหร่และจะขึ้นถึงเท่าไหร่ ยังไงวินัยก็สำคัญที่สุด

ย้ายกองทุน/หุ้นไปมา : เสียค่าธรรมเนียม + พังพลังทบต้น

ลงทุนก้อนเดียวแล้วจบ : ไม่เติมต่อต่อเนื่อง

ลงทุนสินทรัพย์เดียวไม่กระจายความเสี่ยง : ลองนึกภาพตามว่าถ้าเรา DCA หุ้นหรือสินทรัพย์ที่เป็นขาลงตลอด 20 ปี จะเป็นยังไง นี่เรียกว่าเป็นภาพที่เราไม่อยากเจอเลย

สิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามีเงินเก็บได้ บางทีอาจจะไม่ใช่แค่การทำเงินก้อนใหญ่ๆเสมอไป 
อย่างวิธีนี้ก็เป็นอีก 1 วิธีที่ช่วยให้เพื่อนๆ นักลงทุน เข้าถึงเป้าหมายที่วางใว้ ได้อีก 1 วิธี