สรุปหุ้น TEGH : บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)

TEGH ดำเนินธุรกิจ Circular Economy ภายใต้โมเดล “Thai Eastern Symbiosis” มุ่งลดคาร์บอนและสร้าง Eco Product ครอบคลุมการผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์มดิบ พลังงานทดแทน และการจัดการกากอินทรีย์ โดยมีตลาดทั้งในและต่างประเทศ


ข้อมูลเบื้องต้น

  ตลาดหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

  อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง: เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / ธุรกิจการเกษตร

  SET ESG Ratings : AAA

  ขนาดบริษัท (Market Cap): 3,110.40 ล้านบาท

 ข้อมูลอัพเดท ณ วันที่ 02/07/68

 

สินค้า และ บริการ

กลุ่มธุรกิจ สินค้า/บริการหลัก รายละเอียด/กลุ่มเป้าหมาย บริษัทในเครือ
ยางธรรมชาติ - ยางแท่ง (STR20, STR10, CV) - น้ำยางข้น - ลูกค้าหลักคือผู้ผลิตยางล้อชั้นนำของโลก (เช่น Sumitomo) - ปรับสูตรตามความต้องการได้ (Customization) - ผลิตภัณฑ์ Eco และ Low Carbon
TER, STEP, STEC, EQR, TEI, TEL
น้ำมันปาล์มดิบ - CPO - CPKO - By-Product ต่างๆ ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร พลังงานทดแทน เคมีภัณฑ์ และส่งออกไปตลาดต่างประเทศ
EPO, TETSO, TET
พลังงานทดแทน - Biogas - ไฟฟ้าจาก Biogas - จัดการกากอินทรีย์ ผลิตพลังงานสะอาด ทดแทนฟอสซิล, รับกำจัดกากอินทรีย์, ผลิตวัสดุปรับปรุงดิน (Organic Waste Management Hub of EEC) TEBP, TEPW
โลจิสติกส์ บริการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบ ภายในประเทศ ครอบคลุมภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคอีสาน TEL

TEGH สร้างรายได้หลักจาก 3 ธุรกิจสำคัญ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 88% ของรายได้ปี 2567 โดยเน้นส่งมอบสินค้าที่สามารถปรับสูตรได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยางล้อระดับโลก นอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ และธุรกิจพลังงานทดแทนและการจัดการกากอินทรีย์ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุและสร้างรายได้เพิ่มเติม โดยบริษัทมุ่งสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและ Low Carbon Economy ผ่านการใช้เทคโนโลยีและ AI ในการผลิตและบริหารจัดการ เพื่อตอบสนองตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดโลกที่ต้องการสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สัดส่วนรายได้จากแต่ละธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์ รายได้ปี 2566 (ลบ.) สัดส่วน %  รายได้ปี 2567 (ลบ.) สัดส่วน %  การเปลี่ยนแปลง
ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 10,092.58 83.12% 14,773.75 87.71% 🟩เพิ่มขึ้น 46.38%
ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 1,907.28 15.71% 1,906.95 11.32% 🟥ลดลง -0.02%
ธุรกิจพลังงานทดแทนและจัดการกากอินทรีย์ 132.85 1.09% 139.11 0.83% 🟩เพิ่มขึ้น 4.71%
อื่นๆ 9.83 0.08% 23.89 0.14% 🟩เพิ่มขึ้น 143.03%
รวม 12,142.55 100% 16,843.70 100% 🟩เพิ่มขึ้น 38.72%

ข้อมูลล่าสุดของปี 2567 จาก 56-1 ของบริษัท

**สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ คลิกที่นี่  Liberator -เทรดหุ้นไทย หุ้น US - Apps on Google Play

 

ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

🔹 ฐานรายได้มั่นคงจากธุรกิจยางธรรมชาติและวัตถุดิบยั่งยืน

+TEGH มีรายได้หลักจากการผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติทั้งยางแท่งและน้ำยางข้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมยางล้อโลก โดยมีฐานลูกค้าเป็นผู้ผลิตยางล้อชั้นนำระดับโลก และกระจายตลาดทั้งในและต่างประเทศกว่า 58% ของรายได้รวม

🔹 จุดแข็งด้านเทคโนโลยีการผลิตและมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล

+บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางที่ตอบโจทย์ตลาดเฉพาะ เช่น ยาง EUDR, ยาง FSC และยาง Low Carbon พร้อมได้รับมาตรฐานสากลหลายรายการ เช่น FSC, ISO และ EcoVadis Gold สะท้อนความสามารถด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน

🔹 โมเดลธุรกิจ Thai Eastern Symbiosis สร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสีย

+TEGH บริหารจัดการทรัพยากรแบบ Zero Waste โดยนำของเสียจากกระบวนการผลิตไปใช้ผลิตพลังงานชีวภาพและผลิตภัณฑ์พลอยได้ เช่น ไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการกำจัดของเสียและสร้างรายได้เพิ่ม

🔹 ขยายโอกาสธุรกิจด้วยการลงทุนพลังงานทดแทนและมาตรฐาน Low Carbon

+บริษัทตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็น Carbon Neutral ภายในปี 2030 และลงทุนขยายกำลังผลิตในธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น โรงงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ และการจัดการกากอินทรีย์ เพื่อสร้างรายได้ใหม่และตอบโจทย์ตลาดยางที่ต้องการผลิตภัณฑ์ยั่งยืน

ความเสี่ยงของธุรกิจและมาตราการการรับมือ

🔹 ความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากธุรกิจยางธรรมชาติเป็นหลัก

-ความเสี่ยง: TEGH มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจยางธรรมชาติมากถึง 87.7% ของรายได้รวม หากราคายางผันผวน หรือความต้องการตลาดโลกลดลง อาจกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัท

+แนวทางการจัดการ: ขยายธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากยางธรรมชาติ และเพิ่มความหลากหลายของรายได้

🔹 ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

-ความเสี่ยง: มากกว่า 58% ของรายได้ TEGH มาจากต่างประเทศ ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากค่าเงินบาทที่ผันผวน อาจกระทบต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น

+แนวทางการจัดการ: ใช้ตราสารป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Hedging) และกระจายตลาดส่งออกหลายภูมิภาคเพื่อลดผลกระทบจากค่าเงิน

🔹 ความเสี่ยงจากกฎหมายและมาตรฐานความยั่งยืนใหม่ เช่น EUDR

-ความเสี่ยง: กฎระเบียบใหม่ของ EU (EUDR) กำหนดให้ยางธรรมชาติที่นำเข้า ต้องมาจากแหล่งปลอดการตัดไม้ทำลายป่า และต้องตรวจสอบย้อนกลับได้ อาจเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานและกระบวนการผลิต

+แนวทางการจัดการ: พัฒนาและผลิตยาง EUDR ที่สอดคล้องกฎหมาย พร้อมลงทุนในระบบ Traceability เพื่อรักษาตลาดส่งออกยุโรปและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

🔹 ความเสี่ยงจากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตที่ผันผวน

-ความเสี่ยง: ราคายางพาราดิบและผลปาล์มสด อาจผันผวนตามกลไกตลาดโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรขั้นต้นของบริษัท

+แนวทางการจัดการ: บริหารจัดการสต็อกวัตถุดิบอย่างรอบคอบ ใช้เทคโนโลยีและ AI เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดต้นทุน และเสริมศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก

🔹 ความเสี่ยงด้านบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ

-ความเสี่ยง: ธุรกิจของ TEGH อาศัยความรู้เฉพาะ เช่น เทคนิคการผลิตยางพาราพรีเมียม การจัดการพลังงานชีวภาพ และมาตรฐานความยั่งยืน หากขาดบุคลากรสำคัญ อาจกระทบต่อคุณภาพสินค้าและกระบวนการผลิต

+แนวทางการจัดการ: พัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง จัดทำแผนสืบทอดตำแหน่ง และใช้ Digitalization ลดการพึ่งพาแรงงานเฉพาะทางในบางกระบวนการ

โครงการในอนาคต

🔹 พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและระบบควบคุมคุณภาพอัตโนมัติ TEGH มุ่งพัฒนากระบวนการผลิตให้ทันสมัย ด้วยการนำเทคโนโลยีและ AI เข้ามาใช้ เช่น ระบบตรวจสอบคุณภาพยางแท่งแบบ Real-Time, ระบบ Digitalization และ Automation เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และควบคุมคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานระดับสากล รองรับความต้องการตลาดโลกที่ต้องการยางพารายั่งยืนและคุณภาพสูง

🔹 ขยายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมด้าน Sustainable Materials และ Low Carbon บริษัทต่อยอดสู่การผลิตสินค้านวัตกรรม เช่น ยางแท่ง EUDR ที่สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ของยุโรป, ยาง FSC ที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ และพัฒนา “ยาง Negative Carbon” ที่ช่วยดูดซับคาร์บอนในกระบวนการผลิต ตอบโจทย์ตลาดที่ต้องการวัตถุดิบยั่งยืนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

🔹 ลงทุนยกระดับโครงสร้างธุรกิจพลังงานทดแทนและ Waste-to-Energy TEGH ลงทุนขยายกำลังผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเป็น 62 ล้าน kWh/ปี และเพิ่มกำลังจัดการกากอินทรีย์เป็น 1,050,000 ตัน/ปี ภายในปี 2568 เพื่อลดต้นทุนการจัดการของเสีย และสร้างรายได้ใหม่ในธุรกิจพลังงานทดแทน รองรับเป้าหมาย Carbon Neutral ภายในปี 2030

🔹 ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต บริษัทนำเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูล, ระบบ ERP, Sensor System และ IoT มาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อปรับปรุงคุณภาพสินค้า ลดของเสีย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก พร้อมปรับโครงสร้างงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

🔹 ยกระดับมาตรฐาน ESG และธรรมาภิบาล TEGH ดำเนินธุรกิจด้วยมาตรฐาน ESG ชัดเจน ได้รับ ESG Rating ระดับ AAA และ EcoVadis ระดับ Gold สะท้อนความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รักษาธรรมาภิบาล โปร่งใส และให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสีย ตอกย้ำเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านวัตถุดิบยั่งยืนระดับโลก

กราฟราคาหุ้น : TEGH


** เพื่อนๆสามารถคลิ้กที่รูปกราฟ เพื่อติดตามข้อมูล RealTime ล่าสุดของวันนี้ได้นะ **

เว็บไซต์บริษัท :  TEGH
56-1 รายงานประจำปี 2567 (Annual Report) : คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

🔹 TEGH มีรายได้หลักจากธุรกิจใด? TEGH มีรายได้หลักจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ ทั้งยางแท่ง (Block Rubber) และน้ำยางข้น (Concentrated Latex) ซึ่งคิดเป็น 87.7% ของรายได้รวมในปี 2567 โดยลูกค้าหลักคือผู้ผลิตยางล้อชั้นนำระดับโลก ขณะที่รายได้ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ พลังงานทดแทน และการบริหารจัดการกากอินทรีย์ โดยมีตลาดต่างประเทศเป็นตลาดสำคัญ คิดเป็น 58.82% ของรายได้รวม

🔹 จุดเด่นที่สุดที่ทำให้ TEGH น่าสนใจคืออะไร? TEGH โดดเด่นในฐานะผู้ผลิตยางธรรมชาติระดับโลก ที่สามารถปรับสูตรผลิตภัณฑ์ตามความต้องการลูกค้า (Customization) พร้อมนวัตกรรมยางที่สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เช่น ยาง EUDR, FSC และ Low Carbon นอกจากนี้ยังมีโมเดล Thai Eastern Symbiosis ที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสียให้กลายเป็นพลังงานชีวภาพ สะท้อนความมุ่งมั่นสู่ธุรกิจยั่งยืน และยังมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เช่น Sumitomo Rubber Industries และ Sime Darby Oils Singapore ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก

🔹 TEGH มีแผนการเติบโตในอนาคตอย่างไร? TEGH มีแผนขยายกำลังการผลิตยางแท่งเป็น 430,000 ตัน/ปี และขยายธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ รวมถึงธุรกิจพลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ และขยายการจัดการกากอินทรีย์ เพื่อรองรับเป้าหมาย Carbon Neutral ภายในปี 2030 พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 28,000 ล้านบาทภายในปี 2573 บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศที่ต้องการวัตถุดิบยั่งยืน

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 
ซื้อหุ้น TEGH ได้ที่ Liberator | ไม่มีขั้นต่ำ เซฟต้นทุนให้คุณตั้งแต่บาทแรก