สรุปหุ้น SCGD : บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน)

SCGD ผู้นำวัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในอาเซียน มุ่งสู่ “Integrated Decor Platform” ด้วยโครงสร้างต้นทุนระดับภูมิภาค การผลิตแบบ Smart & Green Factory และช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุม จุดแข็งคือรายได้มั่นคงจากสินค้าใช้ซ้ำ และโอกาสเติบโตจากตลาดต่างประเทศ เสริมด้วยเทรนด์รีโนเวตและสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ ESG และดีไซน์


ข้อมูลเบื้องต้น

  ตลาดหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

  อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง: อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง

  SET ESG Ratings : A

  ขนาดบริษัท (Market Cap): 5,841.00 ล้านบาท

 ข้อมูลอัพเดท ณ วันที่ 24/06/68

 

สินค้า และ บริการ

กลุ่มธุรกิจ สินค้า/บริการหลัก รายละเอียด/กลุ่มเป้าหมาย
บริษัทในเครือ (ถ้ามี)
ตกแต่งพื้นผิว (Decor Surfaces) กระเบื้องเซรามิก, พอร์ซเลน, โมเสก, ไวนิล SPC/LVT ครอบคลุมทั้ง Floor/Wall Tiles ทุก Segment (COTTO, SOSUCO, PRIME, KIA)
PRIME, Mariwasa, KIA, CTM
สุขภัณฑ์ (Bathroom) สุขภัณฑ์, ก๊อกน้ำ, อ่างล้างหน้า, อุปกรณ์ห้องน้ำ ตลาดกลาง-บน ใช้แบรนด์ COTTO, PRIME, MARIWASA, พร้อมบริการครบวงจรทั้ง design และติดตั้ง
SSC, SNK, SSW
ธุรกิจอื่น ๆ บริการนิคมอุตสาหกรรม โครงการนิคมหนองแค จ.สระบุรี ร่วมกับ กนอ. ให้บริการที่ดิน ระบบสาธารณูปโภคครบวงจร COTTO

SCGD สร้างรายได้จากการผลิตและจำหน่ายกระเบื้อง สุขภัณฑ์ และวัสดุปิดผิว ภายใต้แบรนด์ COTTO, PRIME และ KIA ครอบคลุมตลาดไทยและอาเซียน จุดเด่นคือรายได้ recurring จากสินค้าใช้ซ้ำ การผลิตแบบ Regional Optimization และ Smart & Green Factory พร้อมโอกาสเติบโตจากนวัตกรรม ESG และการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ในภูมิภาค

สัดส่วนรายได้จากแต่ละธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจ รายได้ปี 2566 (ลบ.) สัดส่วน % รายได้ปี 2567 (ลบ.) สัดส่วน % การเปลี่ยนแปลง
ตกแต่งพื้นผิว 21,409 75.60% 19,615 76.70% 🟥ลดลง -8.38%
สุขภัณฑ์ 5,623 19.90% 5,485 21.50% 🟥ลดลง -2.45%
อื่น ๆ (นิคม ฯ) 1,280 4.50% 463 1.80% 🟥ลดลง -63.83%
รวม 28,312 100% 25,563 100% 🟥ลดลง -9.71%

ข้อมูลล่าสุดของปี 2567 จาก 56-1 ของบริษัท

**สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ คลิกที่นี่  Liberator -เทรดหุ้นไทย หุ้น US - Apps on Google Play

 

ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

🔹 โครงสร้างธุรกิจชัดเจน ครอบคลุมห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่งครบวงจร
+SCGD มีโครงสร้างธุรกิจแบบครบวงจรจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมทั้งกระเบื้อง สุขภัณฑ์ และวัสดุปิดผิว พร้อมแบรนด์หลากหลาย เช่น COTTO, PRIME, KIA รองรับตลาดทุกระดับในไทยและอาเซียน

🔹 รายได้ recurring จากสินค้าใช้ซ้ำและฐานลูกค้ากว้าง
+รายได้หลักมาจากสินค้าในภาคก่อสร้างและรีโนเวต ซึ่งมีความต้องการใช้ซ้ำสูง โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัย ช่วยสร้างรายได้ที่มีความต่อเนื่อง แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

🔹 จุดแข็งด้านต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิตระดับภูมิภาค
+ด้วยโรงงาน 15 แห่งใน 4 ประเทศ SCGD บริหารต้นทุนผ่านการผลิตแบบ Regional Optimization และเทคโนโลยี Smart & Green Factory ทำให้ควบคุมต้นทุนและเพิ่ม margin ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

🔹 ธรรมาภิบาลระดับสูง ภายใต้ SCG Group และเป็นหุ้น ESG Rating ระดับ A
+SCGD อยู่ในเครือ SCG ซึ่งมีระบบกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณเข้มงวด ได้รับ SET ESG Rating ระดับ A และ CGR 5 ดาว ต่อเนื่อง

🔹 โอกาสจากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ และเทรนด์ ESG + Design
+การฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ การขยายเมือง และเทรนด์การรีโนเวต ส่งผลดีต่ออุปสงค์กระเบื้อง-สุขภัณฑ์ ขณะที่บริษัทพัฒนาโปรดักต์ใหม่เน้น ESG เช่น Air-Ion Tile, Hygienic Tile, Smart Toilet รองรับดีมานด์ใหม่ในอนาคต

ความเสี่ยงของธุรกิจและมาตราการการรับมือ

🔹 ความเสี่ยงจากความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน

-ความเสี่ยง: การผลิตกระเบื้องและสุขภัณฑ์ใช้วัตถุดิบและพลังงานจำนวนมาก หากต้นทุนพลังงานหรือวัตถุดิบสูงขึ้น อาจกระทบต่อ margin และความสามารถในการแข่งขัน

+มาตรการรับมือ: SCGD ลงทุนในระบบพลังงานทดแทน เช่น Solar Rooftop, เชื้อเพลิงชีวมวล และระบบ Hot Air Generator เพื่อควบคุมต้นทุนระยะยาว

🔹 ความเสี่ยงจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมวัสดุตกแต่ง

-ความเสี่ยง: ตลาดกระเบื้องและสุขภัณฑ์มีผู้เล่นจำนวนมาก โดยเฉพาะแบรนด์ราคาต่ำจากจีนและเวียดนาม อาจกดดันราคาและส่วนแบ่งตลาด

+มาตรการรับมือ: มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าคุณภาพสูง-มีนวัตกรรม สร้างแบรนด์ Premium และบริหารช่องทางจัดจำหน่ายแบบครบวงจรเพื่อรักษาฐานลูกค้า

🔹 ความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดในประเทศ

-ความเสี่ยง: รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากประเทศไทย หากภาคอสังหาฯ หรือเศรษฐกิจชะลอตัว อาจกระทบรายได้หลักของบริษัท

+มาตรการรับมือ: ขยายตลาดส่งออก เพิ่มสัดส่วนรายได้จากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และตลาดเกิดใหม่ ผ่านแบรนด์ PRIME, KIA และ CTM

🔹 ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินค้าและความน่าเชื่อถือของแบรนด์

-ความเสี่ยง: หากเกิดปัญหาด้านคุณภาพ ความทนทาน หรืออุบัติเหตุจากผลิตภัณฑ์ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของแบรนด์

+มาตรการรับมือ: ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนการผลิต ใช้เทคโนโลยี AI และระบบ QC อัตโนมัติ พร้อมมีทีมพัฒนา R&D และ QC ประจำโรงงาน

🔹 ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม (ESG Regulation)

-ความเสี่ยง: กฎระเบียบใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมและ Net Zero อาจเพิ่มภาระต้นทุนและความยุ่งยากในการดำเนินงาน

+มาตรการรับมือ: มีนโยบายสิ่งแวดล้อมชัดเจน ลงทุนด้าน ESG ล่วงหน้า เช่น ใช้วัสดุหมุนเวียน ติดตั้งระบบควบคุมก๊าซเรือนกระจก และได้รับ ESG Rating ระดับ A

โครงการในอนาคต

🔹 ต่อยอดฐานธุรกิจสู่ Integrated Decor Platform ระดับภูมิภาค SCGD มุ่งพัฒนาจากผู้ผลิตกระเบื้องและสุขภัณฑ์ สู่แพลตฟอร์ม “Integrated Decor” ที่เชื่อมต่อการผลิต จัดจำหน่าย และออกแบบอย่างครบวงจรทั่วอาเซียน ด้วยการใช้แบรนด์ที่แข็งแกร่ง และซัพพลายเชนระดับภูมิภาคเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการเติบโต

🔹 รับโอกาสจากการฟื้นตัวของอสังหาฯ และตลาดรีโนเวตแผนลงทุนใหม่ในไลน์การผลิตกระเบื้องพอร์ซเลนและกระเบื้อง SPC รองรับดีมานด์จากตลาดรีโนเวตและการขยายตัวของเมือง ขณะเดียวกัน ขยายสาขาร้านค้าแบรนด์ (COTTO Life, CTM, OK Tiles) เพื่อเชื่อมต่อกับฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มจุดสัมผัสใหม่ในตลาดต่างประเทศ

🔹 วางโครงสร้างผลิตด้วยเทคโนโลยี Smart & Green Factoryลงทุนในระบบการผลิตอัตโนมัติ พลังงานสะอาด และ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุน พร้อมทั้งเสริมความสามารถในการรองรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต และลดความเสี่ยงด้าน ESG Transition

🔹 เปิดทางสู่ผลิตภัณฑ์ ESG + Design ใหม่ ๆ ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค SCGD พัฒนาโปรดักต์ใหม่ เช่น กระเบื้องฟอกอากาศ (Air-Ion), กระเบื้องลดเชื้อโรค (Hygienic), สุขภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Toilet) ที่รองรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ และสร้างความแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นในตลาด

🔹 คงเป้าหมายเป็นหุ้นเติบโตมั่นคงจากสินค้าใช้ซ้ำระยะยาวด้วยฐานรายได้ recurring จากสินค้าใช้ซ้ำ ต้นทุนที่แข่งขันได้ และแบรนด์แข็งแรง SCGD วางเป้าหมายเติบโตสม่ำเสมอ พร้อมรักษาสถานะเป็นหุ้นพื้นฐานดีสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว ที่ต้องการกระแสรายได้ต่อเนื่องจากโครงสร้างธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสูง

กราฟราคาหุ้น : SCGD


** เพื่อนๆสามารถคลิ้กที่รูปกราฟ เพื่อติดตามข้อมูล RealTime ล่าสุดของวันนี้ได้นะ **

เว็บไซต์บริษัท :  SCGD
56-1 รายงานประจำปี 2567 (Annual Report) : คลิ้กที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

🔹 รายได้หลักของ SCGD มาจากธุรกิจใด? SCGD มีรายได้หลักจากธุรกิจตกแต่งพื้นผิว เช่น กระเบื้องปูพื้น บุผนัง และวัสดุปิดผิวอื่น ๆ คิดเป็น 76.7% ของรายได้รวมในปี 2567 ตามด้วยธุรกิจสุขภัณฑ์ เช่น อ่างล้างหน้า ก๊อกน้ำ สุขภัณฑ์อัจฉริยะ คิดเป็น 21.5% โดยมีรายได้จากนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจอื่น ๆ อีก 1.8% รวมรายได้ปี 2567 อยู่ที่ 25,563 ล้านบาท โดยมีฐานตลาดหลักทั้งในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกลุ่มประเทศ CLMV

🔹 จุดเด่นที่สุดที่ทำให้บริษัทน่าสนใจคืออะไร? SCGD โดดเด่นด้วยโครงสร้างธุรกิจที่ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานวัสดุตกแต่งแบบครบวงจร มีแบรนด์แข็งแกร่งระดับภูมิภาค เช่น COTTO และ PRIME พร้อมระบบผลิตที่ควบคุมต้นทุนได้ดีผ่าน Smart & Green Factory รายได้มีลักษณะ recurring จากสินค้าใช้ซ้ำ เช่น กระเบื้องและสุขภัณฑ์ และยังได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ และแนวโน้ม ESG ที่เอื้อต่อสินค้านวัตกรรมใหม่

🔹 บริษัทมีแผนการเติบโตในอนาคตอย่างไร? SCGD เดินหน้าขยายกำลังการผลิตกระเบื้องพอร์ซเลนและ SPC ทั้งในไทยและเวียดนาม รวมถึงเพิ่มจุดจำหน่ายผ่านร้านแบรนด์ของตนเอง เช่น COTTO Life, CTM และ OK Tiles พร้อมลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตพลังงานสะอาด เช่น Solar Rooftop และ Hot Air Generator เสริมด้วยนวัตกรรมสินค้าใหม่ เช่น กระเบื้องลดเชื้อโรค สุขภัณฑ์อัจฉริยะ และผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ ESG เพื่อสร้างการเติบโตในตลาดทั้งในและต่างประเทศ

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 
ซื้อหุ้น SCGD ได้ที่ Liberator | ไม่มีขั้นต่ำ เซฟต้นทุนให้คุณตั้งแต่บาทแรก