SAV สร้างรายได้หลักจากการให้บริการบริหารจัดการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชาผ่านบริษัทลูก CATS ซึ่งได้รับสัมปทานระยะยาวจนถึงปี 2594 โดยมีบริการหลัก ได้แก่ การควบคุมการบินในสนามบิน เขตใกล้สนามบิน และเขตเส้นทางบิน รวมถึงการให้บริการระบบสื่อสาร การนำทาง และการติดตามอากาศยาน กลุ่มลูกค้าหลักคือสายการบินที่บินเข้า-ออกหรือบินผ่านน่านฟ้ากัมพูชา บริษัทมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการตามมาตรฐาน ICAO และขยายขอบเขตธุรกิจผ่านบริษัทย่อย LSAV ใน สปป.ลาว พร้อมรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการลงทุนในระบบเทคโนโลยีควบคุมการบิน และโครงสร้างพื้นฐานด้านการเดินอากาศอย่างต่อเนื่อง

สัดส่วนรายได้จากแต่ละธุรกิจ

ข้อมูลล่าสุดของปี 2567 จาก 56-1 ของบริษัท

**สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ คลิกที่นี่ 

ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

🔹 โครงสร้างธุรกิจที่มุ่งเน้นเฉพาะทาง และครอบคลุมบริการจราจรทางอากาศแบบครบวงจร
+SAV เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นใน CATS ซึ่งได้รับสัมปทานให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชาเพียงรายเดียว ครอบคลุมตั้งแต่การควบคุมในสนามบิน การนำทาง และระบบการสื่อสาร รวมถึงบริหารระบบเรดาร์และ ADS-B อย่างครบวงจร พร้อมต่อยอดธุรกิจผ่าน LSAV เพื่อพัฒนาโซลูชันไอทีและดิจิทัลในภูมิภาค

🔹 ฐานรายได้จากน่านฟ้ากัมพูชาเป็นหลักและมีความมั่นคง
+รายได้ทั้งหมดของ SAV มาจากการให้บริการในประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะรายได้จากเที่ยวบิน Overflight ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวและการเปิดสนามบินใหม่ สะท้อนถึงลักษณะธุรกิจที่ผูกขาดตามสัมปทานระยะยาวจนถึงปี 2594

🔹 บริการเฉพาะทางที่จำเป็นต่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมการบิน
+CATS ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศซึ่งเป็นบริการสำคัญที่จำเป็นต่อความปลอดภัยของสายการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ส่งผลให้มีความจำเป็นใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกได้ในระดับหนึ่ง

🔹 นโยบาย ESG และการกำกับดูแลกิจการที่เป็นรูปธรรม
+SAV มีนโยบายความยั่งยืนที่ชัดเจน เช่น การบริหารจัดการพลังงาน น้ำ และของเสียภายในองค์กร พร้อมจัดทำนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและธรรมาภิบาลธุรกิจอย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับมาตรฐาน ESG สากล และได้รับ CGR ระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว)

🔹 เติบโตต่อเนื่องจากสนามบินใหม่และการขยายธุรกิจในอาเซียน
+SAV ได้ประโยชน์โดยตรงจากการเปิดสนามบินใหม่ในกัมพูชา เช่น Techo International Airport และสนามบินดาราสาคร ที่จะเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน Overflight อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมขยายบริการไปยัง สปป.ลาว ผ่านบริษัท LSAV เพื่อรองรับความต้องการด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคอาเซียน

ความเสี่ยงของธุรกิจและมาตราการการรับมือ

🔹 ความเสี่ยงจากความผันผวนในอุตสาหกรรมการบินและเศรษฐกิจโลก

-ความเสี่ยง: รายได้ของ SAV พึ่งพาจำนวนเที่ยวบินในน่านฟ้ากัมพูชาเป็นหลัก หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โรคระบาด หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้เที่ยวบิน Overflight และเที่ยวบินเข้า-ออกลดลง ส่งผลกระทบต่อรายได้ทันที

+มาตรการการรับมือ: บริษัทติดตามแนวโน้มอุตสาหกรรมและความเคลื่อนไหวของนโยบายภาครัฐ-ระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนกระจายรายได้ผ่านการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไอทีในภูมิภาคผ่าน LSAV

🔹 ความเสี่ยงจากการพึ่งพาลูกค้าประเภทสายการบินเป็นหลัก

-ความเสี่ยง: โมเดลธุรกิจของ SAV พึ่งพาค่าบริการจากสายการบินเป็นหลัก หากเกิดปัญหากับสายการบินรายใหญ่ หรือการลดจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศ อาจกระทบต่อรายได้โดยตรง

+มาตรการการรับมือ: CATS ให้บริการแก่สายการบินหลากหลายจากหลายประเทศ ช่วยลดการพึ่งพาลูกค้ารายใดรายหนึ่ง และบริษัทมีการติดตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมสายการบินอย่างสม่ำเสมอ

🔹 ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและมาตรฐาน ICAO

-ความเสี่ยง: การควบคุมจราจรทางอากาศเป็นงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานสูง หากไม่สามารถอัปเกรดให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและการต่อสัญญาในอนาคต

+มาตรการการรับมือ: บริษัทลงทุนในระบบเรดาร์ สื่อสาร และ ADS-B อย่างต่อเนื่อง และดำเนินการตามข้อกำหนดของ ICAO อย่างเข้มงวด

🔹 ความเสี่ยงจากการพึ่งพาบุคลากรเฉพาะทางในตำแหน่งสำคัญ

-ความเสี่ยง: การควบคุมการบินต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญสูง หากเกิดการขาดแคลนบุคลากร หรืออัตราการลาออกสูง อาจกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการ

+มาตรการการรับมือ: บริษัทมีระบบฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมสวัสดิการและความผูกพันในองค์กร เพื่อรักษาพนักงานคุณภาพให้อยู่กับองค์กรในระยะยาว

🔹 ความเสี่ยงด้าน ESG และสิ่งแวดล้อม

-ความเสี่ยง: แม้ธุรกิจของ SAV ไม่ปล่อยคาร์บอนโดยตรงเหมือนโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็มีการใช้พลังงานสูงในระบบควบคุมจราจรทางอากาศ และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาคและสากล

+มาตรการการรับมือ: บริษัทมีนโยบายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมชัดเจน เช่น การบริหารจัดการพลังงาน น้ำ ขยะ และลดผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิง พร้อมรายงานผล ESG อย่างโปร่งใส

โครงการในอนาคต

🔹 ขยายศักยภาพด้านเทคโนโลยีการบินและบริการดิจิทัลใหม่ จัดตั้งบริษัทย่อย LSAV เพื่อพัฒนาโซลูชันด้านเทคโนโลยี เช่น ระบบเว็บไซต์ ระบบเรียกเก็บเงิน และบริการสนับสนุนดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและการเปิดสนามบินใหม่ในภูมิภาคอาเซียน

🔹 ขยายฐานลูกค้าและบริการสนับสนุนการบินในภูมิภาค จากเดิมที่ให้บริการเฉพาะในกัมพูชา สู่การพัฒนาโครงการใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว ผ่าน LSAV พร้อมเตรียมพัฒนาโซลูชันไอทีที่ตอบโจทย์ทั้งหน่วยงานควบคุมการบิน และหน่วยงานภาครัฐด้านจราจรทางอากาศ

🔹 เพิ่มประสิทธิภาพด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสารสนเทศ SAV และ CATS ลงทุนในระบบควบคุมจราจรอากาศด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ADS-B, เรดาร์ระยะไกล, และ ระบบสื่อสารดิจิทัล พร้อมวางรากฐานสำหรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยในการบิน

🔹 ลงทุนในระบบบริหารความเสี่ยงและธรรมาภิบาลเชิงรุก บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจไปต่างประเทศและการดำเนินงานที่พึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมยกระดับการกำกับดูแลกิจการ โดยมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและคณะกรรมการบรรษัทภิบาลติดตามควบคุมอย่างใกล้ชิด

🔹 ตั้งเป้ายกระดับมาตรฐาน ESG ครอบคลุมทุกหน่วยธุรกิจภายในปี 2568 SAV ดำเนินงาน ESG อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในมิติสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลังงานในศูนย์ควบคุมการบิน, การบริหารจัดการน้ำและขยะอย่างมีประสิทธิภาพ; มิติสังคม เช่น การดูแลแรงงานและสิทธิมนุษยชนในองค์กร; และมิติกำกับดูแล เช่น การปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจและการเปิดเผยข้อมูลตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาวต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย

กราฟราคาหุ้น : SAV