KAMART สร้างรายได้หลักจากการจำหน่ายเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ ร่างกาย และอุปกรณ์ความงาม โดยมีบริการหลัก เช่น การพัฒนาแบรนด์เครื่องสำอางในเครือและการจัดจำหน่ายแบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่รักความสวยงาม พร้อมขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย และลงทุนต่อเนื่องในด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์ความงามและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม

สัดส่วนรายได้จากแต่ละธุรกิจ

ข้อมูลล่าสุดของปี 2567 จาก 56-1 ของบริษัท

**สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ คลิกที่นี่ 

ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

🔹 ศูนย์กระจายสินค้าและโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดจำหน่าย

+KAMART มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร พร้อมคลังสินค้าและระบบจัดจำหน่ายที่รองรับการกระจายผลิตภัณฑ์ความงามทั่วประเทศ ทั้งผ่านช่องทางค้าปลีก โมเดิร์นเทรด และออนไลน์ ซึ่งเอื้อต่อการตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น

🔹 ฐานลูกค้าหลักในประเทศ พร้อมขยายสู่ตลาดต่างประเทศ

+ลูกค้าหลักของ KAMART คือบุคคลทั่วไปที่รักความงามและดูแลตัวเองเป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ทั้งนี้บริษัทได้ขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศในเอเชีย เช่น พม่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และคูเวต ซึ่งรายได้จากต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

🔹 ผลิตภัณฑ์ความงามครบวงจร

+KAMART นำเสนอผลิตภัณฑ์ความงามแบบครบวงจร ครอบคลุมเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ดูแลร่างกาย และอุปกรณ์เสริมความงาม โดยมีแบรนด์ในเครือที่พัฒนาขึ้นเอง และผลิตภัณฑ์นำเข้าคุณภาพสูง เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงวัย

🔹 การพัฒนาอย่างยั่งยืนและรักษาสิ่งแวดล้อม

+KAMART มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยริเริ่มโครงการลดการใช้พลังงาน เปลี่ยนมาใช้โซลาร์รูฟท็อปและรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า รวมถึงพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น พลาสติกชีวภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว

🔹 การเติบโตจากการขยายตลาดส่งออก

+KAMART ขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะคูเวต ไต้หวัน และเวียดนาม ซึ่งมีอัตราการเติบโตของรายได้ส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันของแบรนด์ไทยในระดับภูมิภาค

ความเสี่ยงของธุรกิจและมาตราการการรับมือ

🔹 ความเสี่ยงจากการลอกเลียนแบบสินค้า

-ความเสี่ยง: เนื่องจากความนิยมของผลิตภัณฑ์ในเครือ KAMART ทำให้เกิดการลอกเลียนแบบสินค้าทั้งด้านรูปลักษณ์และแนวคิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและยอดขาย

+มาตรการการรับมือ: บริษัทดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า พร้อมตรวจสอบสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียและคู่ค้าเพื่อรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้กระทำผิด

🔹 ความเสี่ยงจากการเกิดสินค้าล้าสมัยและสินค้าคงคลังสูง

-ความเสี่ยง: ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นสินค้าแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงเร็ว การคงสต็อกสินค้าจำนวนมากอาจทำให้เกิดสินค้าค้างสต็อกและต้องตั้งด้อยค่าลงบัญชี

+มาตรการการรับมือ: บริษัทมอบหมายให้ฝ่ายการตลาดจัดโปรโมชันเร่งระบายสินค้าเคลื่อนไหวช้า พร้อมวางแผนการผลิตและกระจายสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอย่างใกล้ชิด

🔹 ความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตภายนอก

-ความเสี่ยง: KAMART ไม่มีโรงงานผลิตเองทั้งหมด โดยพึ่งพาผู้รับจ้างผลิต (OEM/ODM) ทำให้มีความเสี่ยงด้านสูตรการผลิตและคุณภาพ

+มาตรการการรับมือ: บริษัททำสัญญากับผู้ผลิตอย่างรัดกุม โดยห้ามนำสูตรไปใช้ผลิตให้ผู้อื่น และคัดเลือกผู้ผลิตที่เชี่ยวชาญเพื่อรักษาคุณภาพสินค้า

🔹 ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

-ความเสี่ยง: บริษัทนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบโดยชำระเงินเป็นสกุลต่างประเทศ ขณะที่รายได้หลักเป็นเงินบาท จึงเสี่ยงขาดทุนจากค่าเงินหากเกิดความผันผวน

+มาตรการการรับมือ: พิจารณาทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward Contract) เมื่อมีคำสั่งซื้อจำนวนมาก และติดตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด

🔹 ความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์และข้อมูลรั่วไหล

-ความเสี่ยง: การพึ่งพาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสูงขึ้น เสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ การรั่วไหลของข้อมูล หรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

+มาตรการการรับมือ: บริษัทออกนโยบายควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลภายใต้การแนะนำของผู้ตรวจสอบภายในและภายนอก พร้อมระบบป้องกันทางไอทีที่รัดกุม

โครงการในอนาคต

🔹 พัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ความงามตามเทรนด์ตลาดโลกเร่งออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ของบริษัทให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และภาพลักษณ์ที่ทันสมัย พร้อมขยายหมวดหมู่สินค้าไปยังผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและสินค้าความงามเฉพาะกลุ่ม เช่น สกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่าย และเมคอัพคลีนบิวตี้

🔹 ขยายตลาดต่างประเทศและช่องทางจำหน่ายดิจิทัลมุ่งเน้นการเจาะตลาดส่งออกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และคูเวต พร้อมเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มโซเชียล และพันธมิตรค้าปลีกในต่างประเทศ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

🔹 ยกระดับระบบคลังสินค้าและโลจิสติกส์ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคลังสินค้าและระบบกระจายสินค้าอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งและควบคุมต้นทุน พร้อมนำระบบติดตามสินค้าตลอดเส้นทางจัดส่งแบบเรียลไทม์มาใช้ เพื่อเสริมความพึงพอใจของลูกค้าและพันธมิตร

🔹 ลงทุนด้าน ESG และสิ่งแวดล้อมพัฒนาโครงการจัดการพลังงาน เช่น ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป และนำรถฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้ามาใช้ในศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโครงการลดใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ และพัฒนา Bioplastic เพื่อยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนของธุรกิจ

🔹 ตั้งเป้ารับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์สินค้าในเครือภายในปี 2568ดำเนินการตรวจวัดและรายงานปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากกระบวนการผลิตสินค้า พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจความงามที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

กราฟราคาหุ้น : KAMART