สรุปหุ้น EPG : บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

EPG เชี่ยวชาญผลิตฉนวนยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์พลาสติก ด้วยเทคโนโลยีและสิทธิบัตรเฉพาะ ลูกค้าหลักคืออุตสาหกรรมก่อสร้าง ยานยนต์ และอาหาร ทั้งในไทยและกว่า 120 ประเทศ จุดแข็งคือมาตรฐานสากล และฐานผลิตครอบคลุมหลายทวีป โดยมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ


ข้อมูลเบื้องต้น

  ตลาดหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

  อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง: อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง

  SET ESG Ratings : AA

  ขนาดบริษัท (Market Cap): 6,496.00 ล้านบาท

 ข้อมูลอัพเดท ณ วันที่ 01/07/68

 

สินค้า และ บริการ

กลุ่มธุรกิจ สินค้า/บริการหลัก รายละเอียด/กลุ่มเป้าหมาย บริษัทในเครือ
ธุรกิจฉนวนยาง (AEROFLEX) ฉนวนยาง EPDM/NBR ใช้หุ้มท่อแอร์ ท่อน้ำเย็น ท่อน้ำร้อน หลังคากันความร้อน ใช้ได้ -200 ถึง 125 องศา, ทนชื้น
Aeroflex, Aerocel, Celflex, ALP India, ACM China
ธุรกิจยานยนต์ (AEROKLAS) พื้นปูกระบะ, หลังคา, ฝาครอบ, บันไดข้าง, กันชน OEM/ODM/REM, แบรนด์ Aeroklas, TJM, Flexiglass, Bocar, Toughdog
Aeroklas Asia Pacific Group, TJM, Flexiglass, Bocar, Toughdog
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) บรรจุภัณฑ์อาหาร/เครื่องดื่ม, แผ่นพลาสติก ผลิตจาก PP, PS, PET ใช้ใน Food Service, กล่องอาหาร, ถ้วย, แผ่นพลาสติกอุตสาหกรรม
Eastern PolyPack

EPG สร้างรายได้หลักจากการผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์พลาสติก โดยมุ่งนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ครอบคลุมตลาดทั้งในประเทศและส่งออกกว่า 120 ประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านสิทธิบัตรเฉพาะ มาตรฐานสากล และเครือข่ายโรงงานในหลายทวีป เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอุตสาหกรรมก่อสร้าง ยานยนต์ และอาหารที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

สัดส่วนรายได้จากแต่ละธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์ รายได้ปี 2566 (ล้านบาท) สัดส่วน % รายได้ปี 2567 (ล้านบาท) สัดส่วน % การเปลี่ยนแปลง
ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น 3,562.50 29.5 3,795.80 28.8 🟩เพิ่มขึ้น 6.55%
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ 5,935.90 49.1 6,714.90 51 🟩เพิ่มขึ้น 13.12%
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก 2,585.20 21.4 2,659.00 20.2 🟩เพิ่มขึ้น 2.85%
รวม 12,083.60 100 13,169.70 100 🟩เพิ่มขึ้น 8.99%

ข้อมูลล่าสุดของปี 2567 จาก 56-1 ของบริษัท

**สามารถอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ คลิกที่นี่  Liberator -เทรดหุ้นไทย หุ้น US - Apps on Google Play

 

ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

🔹 ฐานรายได้กระจายจากหลายกลุ่มธุรกิจและตลาดต่างประเทศ
+EPG มีฐานรายได้หลักจาก 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์พลาสติก โดยส่งออกสินค้าไปกว่า 120 ประเทศ ช่วยกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาตลาดหรือกลุ่มลูกค้าใดมากเกินไป และสร้างเสถียรภาพรายได้ในระยะยาว

🔹 จุดแข็งด้านเทคโนโลยีและสิทธิบัตรเฉพาะ
+EPG มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรม เช่น ฉนวนยาง EPDM ที่ทนอุณหภูมิได้กว้าง (-200 ถึง 125°C) และสิทธิบัตรเทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น หลังคารถกระบะ ABS แบบขึ้นรูปชิ้นเดียว ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่างและมาร์จิ้นที่สูงกว่าตลาด

🔹 ความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสภาพอุตสาหกรรม
+EPG แสดงศักยภาพในการปรับตัว ทั้งการพัฒนา New S-Curve อย่างผลิตภัณฑ์น้ำหนักเบาลดการใช้พลังงาน และการกระจายฐานการผลิตไปยังจีน อินเดีย และสหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์และค่าเงิน

🔹 โอกาสเติบโตจากการขยายตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
+แม้เศรษฐกิจบางภาคส่วนชะลอตัว แต่ EPG มีแผนขยายตลาดในภูมิภาคใหม่ เช่น แอฟริกาใต้ และเดินหน้าพัฒนาสินค้านวัตกรรม เช่น Aero Metal Rooftop และบรรจุภัณฑ์พลาสติกประหยัดพลังงาน เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ ESG และสร้างการเติบโตในอนาคต

ความเสี่ยงของธุรกิจและมาตราการการรับมือ

🔹 ความเสี่ยงจากความผันผวนของอุตสาหกรรมยานยนต์และการก่อสร้าง
-ความเสี่ยง: ธุรกิจหลักของ EPG อย่างชิ้นส่วนยานยนต์และฉนวนยางพึ่งพาการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้าง ซึ่งผันผวนตามเศรษฐกิจโลก ราคาพลังงาน และนโยบายภาครัฐ หากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือยอดผลิตรถยนต์ลดลง อาจกระทบต่อยอดขายและกำไรของ EPG โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่มีการแข่งขันสูง
+มาตรการการรับมือ: EPG กระจายตลาดทั้งในประเทศและกว่า 120 ประเทศทั่วโลก พร้อมพัฒนาสินค้า New S-Curve เช่น ผลิตภัณฑ์น้ำหนักเบาลดพลังงาน และขยายตลาดใหม่ เช่น แอฟริกาใต้ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป

🔹 ความเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่ผันผวน
-ความเสี่ยง: วัตถุดิบสำคัญ เช่น ยางสังเคราะห์ (EPDM, NBR) และเม็ดพลาสติก มีราคาผันผวนตามตลาดน้ำมันโลก หากราคาสูงขึ้นมาก อาจกระทบต้นทุนการผลิตและอัตรากำไรขั้นต้นของ EPG
+มาตรการการรับมือ: EPG มีนโยบายกระจายซัพพลายเออร์ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมต่อรองราคา และใช้การจัดซื้อแบบลอตใหญ่เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำ รวมถึงการส่งผ่านต้นทุนบางส่วนไปยังราคาขายสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีนวัตกรรมและมาร์จิ้นสูง

🔹 ความเสี่ยงจากการแข่งขันสูงในตลาดโลก
-ความเสี่ยง: ตลาดสินค้าฉนวนยางและชิ้นส่วนยานยนต์มีผู้เล่นทั่วโลก เช่น Armacell, K-Flex ในกลุ่มฉนวนยาง หรือผู้ผลิต OEM/ODM ในตลาดยานยนต์ ซึ่งแข่งขันกันทั้งด้านนวัตกรรม ราคา และมาตรฐาน หากคู่แข่งนำเสนอสินค้าที่ราคาถูกหรือเทคโนโลยีใกล้เคียง อาจกระทบส่วนแบ่งตลาดของ EPG
+มาตรการการรับมือ: EPG พัฒนานวัตกรรมและสิทธิบัตรเฉพาะ เช่น ฉนวน EPDM ทนอุณหภูมิ -200 ถึง 125°C และหลังคารถ ABS แบบขึ้นรูปชิ้นเดียว รวมถึงรักษามาตรฐานสากล และมีการลงทุนในวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแตกต่างและรักษามาร์จิ้นสูงกว่าตลาด

🔹 ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
-ความเสี่ยง: EPG มีรายได้ส่งออกคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของยอดขายรวม หากค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เช่น USD, EUR อาจกระทบรายได้เมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาท รวมถึงกระทบต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่ซื้อเป็นเงินต่างประเทศ
+มาตรการการรับมือ: EPG มีนโยบาย Natural Hedge โดยใช้รายได้และค่าใช้จ่ายในสกุลเงินเดียวกันให้ใกล้เคียงกัน พร้อมใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เช่น สัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้า เพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

🔹 ความเสี่ยงจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและ ESG
-ความเสี่ยง: อุตสาหกรรมยางและพลาสติกมีความเสี่ยงด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม เช่น ข้อจำกัดเรื่อง Carbon Footprint, การใช้สารเคมีต้องห้าม หรือมาตรการลดพลาสติกใช้ครั้งเดียว หากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือมาตรฐานใหม่ อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตหรือจำกัดการเข้าตลาดบางประเทศ
+มาตรการการรับมือ: EPG มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีสินค้าประหยัดพลังงาน ลดคาร์บอน เช่น Aeroflex ที่ได้รับ Carbon Footprint และมาตรฐานสิ่งแวดล้อมทั่วโลก รวมถึงการวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้พลังงานน้อย และผลิตภัณฑ์รีไซเคิล เพื่อตอบโจทย์ ESG และกฎหมายใหม่ในอนาคต

โครงการในอนาคต

🔹 ฐานรายได้กระจายจากหลายกลุ่มธุรกิจและตลาดต่างประเทศ EPG มีรายได้หลักจากการผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ รวมถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติก โดยมีฐานการตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 120 ประเทศ ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจหรือภูมิภาคใดเพียงอย่างเดียว และสร้างเสถียรภาพกระแสเงินสดในระยะยาว

🔹 จุดแข็งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และมาตรฐานสากล EPG มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีและสิทธิบัตรเฉพาะ เช่น ฉนวนยาง EPDM ที่ทนอุณหภูมิได้กว้างและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการออกแบบและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น หลังคารถกระบะ ABS แบบขึ้นรูปชิ้นเดียว ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่างและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

🔹 ความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสภาพตลาดและอุตสาหกรรม EPG แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัว ทั้งในด้านนวัตกรรมสินค้าเพื่อรับเทรนด์ ESG เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและลดน้ำหนักรถยนต์ รวมถึงการขยายฐานการผลิตไปยังจีน อินเดีย และสหรัฐฯ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตลอดจนปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

🔹 โอกาสเติบโตจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและขยายตลาดใหม่แม้ตลาดยานยนต์และก่อสร้างทั่วโลกจะมีความผันผวน แต่ EPG ยังเดินหน้าลงทุนในสินค้านวัตกรรม เช่น Aero Metal Rooftop, Flat Deck และบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ช่วยลดการใช้พลังงาน พร้อมขยายตลาดใหม่ในภูมิภาคอย่างแอฟริกาใต้ ซึ่งคาดว่าจะสร้างโอกาสเติบโตอย่างมีนัยสำคัญทั้งในด้านรายได้และกำไรในอนาคต

กราฟราคาหุ้น : EPG


** เพื่อนๆสามารถคลิ้กที่รูปกราฟ เพื่อติดตามข้อมูล RealTime ล่าสุดของวันนี้ได้นะ **

เว็บไซต์บริษัท :  EPG
56-1 รายงานประจำปี 2567 (Annual Report) : คลิ้กที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

🔹 EPG มีรายได้หลักจากธุรกิจใด? รายได้หลักของ EPG มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas, TJM และ Flexiglass ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50.7% ของรายได้รวมในปี 2568 รองลงมาคือธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (30.6%) และธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (18.7%) โดย EPG มีรายได้จากตลาดต่างประเทศมากกว่า 60% ของรายได้รวม สะท้อนความสามารถในการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์และตลาด

🔹 จุดเด่นที่สุดที่ทำให้ EPG น่าสนใจคืออะไร? จุดเด่นของ EPG คือความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและสิทธิบัตรเฉพาะ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีฉนวนยาง EPDM ที่ทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -200 ถึง 125 องศาเซลเซียส และผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่ใช้วัสดุน้ำหนักเบาช่วยลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ EPG ยังมีฐานการผลิตกระจายหลายประเทศ เช่น ไทย จีน อินเดีย และสหรัฐฯ ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุนโลจิสติกส์และอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังตอบโจทย์เทรนด์ ESG ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์

🔹 EPG มีแผนการเติบโตในอนาคตอย่างไร? ใน One Report 2568 ของ EPG ระบุว่าบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม (New S-Curve) เช่น Aero Metal Rooftop, Flat Deck และบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ช่วยลดการใช้พลังงาน พร้อมแผนขยายตลาดใหม่ในแอฟริกาใต้ โดย Aeroklas เตรียมตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อรองรับลูกค้า OEM ภายในปี 2569 นอกจากนี้ EPG ยังมุ่งขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศและเน้นการวิจัยพัฒนาเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและตอบโจทย์ความต้องการด้าน ESG ในอุตสาหกรรมต่างๆ

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 
ซื้อหุ้น EPG ได้ที่ Liberator | ไม่มีขั้นต่ำ เซฟต้นทุนให้คุณตั้งแต่บาทแรก