[ รวมครบทุกรูปแบบการส่งคำสั่ง ซื้อ - ขาย ] ในแอป Liberator และ TradingView 

บทความนี้เรารวบรวมทุกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับตอนที่เราเลือกเงื่อนไขในการส่งคำสั่งซื้อขาย ที่เพื่อนๆมีโอกาสจะได้เจอทั้งในแอป Liberator และ TradingView มาให้ครบถ้วน สำหรับเก็บเอาไว้อ้างอิงกันได้เลย

เลือกคลิกเพื่อไปที่คำสั่งต่างๆ ได้เลย

การใช้ฟังก์ชั่นในโหมด Limit
Day
IOC
FOK
GTD
GTC

การใช้ฟังก์ชั่นในโหมด Market
ATO/ATC
MKT+IOC
MKT+FOK
MTL
MTL+IOC
MTL+FOK

การใช้ฟังก์ชั่นในการเทรดหุ้นอเมริกา
Day
Day+EXT
GTC

 
 [ สำหรับตลาดหุ้นไทย ] 

เราจะแบ่งหมวดสำหรับการส่งคำสั่งหลักๆ เป็น 2 รูปแบบ
ทั้งแบบที่เน้นราคาที่แน่นอน และ แบบที่เน้นความรวดเร็ว เรามาดูกันทีละกลุ่มครับ

กลุ่มที่ 1: ส่งคำสั่งแบบ [ LIMIT ] เน้นได้ราคาที่แน่นอน

คำสั่งกลุ่มนี้เหมาะกับสถานการณ์ที่เรามี "ราคาในใจ" และจะไม่ซื้อสูงกว่านี้ หรือไม่ขายต่ำกว่านี้เด็ดขาด 

----------------------------------------------

Day

คือ: คำสั่งซื้อขายแบบระบุราคาที่จะมีผล ภายในวัน ที่ส่งคำสั่งเท่านั้น

ใช้เมื่อ: รูปแบบนี้เป็นคำสั่งมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปที่สุด เหมาะกับการเทรดรายวัน

ตัวอย่าง: เราวิเคราะห์ว่าแนวรับของหุ้น DDD อยู่ที่ 13.00 บาท แต่ตอนนี้ราคายังอยู่ที่ 13.60 บาท เราจึงตั้งคำสั่ง Limit ซื้อที่ราคา 13.00 บาท แบบ Day ทิ้งไว้ ถ้าในระหว่างวันมีคนขายลงมาถึงคิวเราที่ 13.00 บาท คำสั่งของเราก็จะถูกจับคู่ แต่ถ้าจนตลาดปิดราคาก็ไม่ลงมาถึง คำสั่งนี้ก็จะหายไป 

 
รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ Day ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ Day ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

IOC (Immediate or Cancel)

คือ: คำสั่งแบบระบุราคา และต้องการให้จับคู่ ทันที เท่าที่ทำได้ ส่วนที่เหลือให้ยกเลิก

ใช้เมื่อ: เราต้องการซื้อหรือขาย ณ ราคาที่กำหนด แต่ไม่ต้องการตั้งรอหากได้ของไม่ครบ

ตัวอย่าง: เราต้องการซื้อหุ้น CCC ที่ราคา 18.40 บาท จำนวน 5,000 หุ้น และส่งคำสั่งแบบ Limit+IOC  ปรากฏว่า ณ วินาทีนั้น มีคนตั้งขายที่ 18.40 บาทเพียง 4,000 หุ้น เราก็จะได้หุ้นมาแค่ 4,000 หุ้น ส่วนอีก 1,000 หุ้นจะถูกยกเลิกไป ไม่มีการตั้งค้างรอ

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ IOC ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ IOC ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

FOK (Fill or Kill)

คือ: ต้องจับคู่ได้ ครบทั้งจำนวน ที่ราคาที่เราต้องการและในทันทีเท่านั้น ไม่งั้นไม่เอา

ใช้เมื่อ: เราต้องการซื้อหรือขายล็อตใหญ่ที่ราคาเดียวเป๊ะๆ และต้องได้ครบทั้งหมดเท่านั้น

ตัวอย่าง: เราต้องการซื้อหุ้น FFF จำนวน 50,000 หุ้น และต้องซื้อที่ราคา 2.86 บาทเท่านั้น เราจึงส่งคำสั่ง Limit+FOK ถ้าระบบตรวจสอบแล้วพบว่ามีคนตั้งขายที่ราคา 2.86 บาทไม่ถึง 50,000 หุ้น คำสั่งของเราทั้งหมดจะถูกยกเลิกทันที

 
รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ FOK ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ FOK ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

GTD (Good Till Date)

คือ: คำสั่งที่ระบุราคาที่จะมีผลไปจนถึง วันที่เรากำหนดไว้

ใช้เมื่อ: เรามีแผนการลงทุนที่ชัดเจนว่าจะซื้อหุ้นภายในวันไหน และมีราคาเป้าหมายในใจแล้ว

ตัวอย่าง: หุ้น GGG จะปันผลในวันที่ 21 สิงหาคม แต่ราคาปัจจุบันยังสูงไป เราจึงตั้งคำสั่ง Limit ซื้อที่ราคารอซื้อที่ 11.00 บาท และตั้งค่าเป็น GTD โดยกำหนดวันหมดอายุวันที่ 21 สิงหาคมพอดี เราจะได้ไม่ต้องเข้ามาส่งคำสั่งใหม่ทุกวัน ซึ่งหากถึงวันที่กำหนดแล้วยังไม่ได้หุ้น คำสั่งก็จะหมดอายุไป ซึ่งก็สอดคล้องกับแผนของเราที่จะไม่ซื้อหุ้นตัวนี้แล้วหากไม่ได้สิทธิ์รับปันผล"

ข้อควรรู้ : คำสั่ง GTD จะถูกยกเลิกอัตโนมัติ ในวันที่หุ้นตัวนั้นๆมี Corporate Action เช่น XD, XE, XR เป็นต้น 
และ โดยปกติสำหรับหุ้นไทย GTD จะมีอายุในการตั้งคำสั่งอยู่ที่ 30 วัน 

 
รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ GTD ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ GTD ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

GTC (Good Till Cancel)

คือ: คำสั่งระบุราคาที่จะมีผลไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะยกเลิกเอง

ใช้เมื่อ: เราอยากตั้งรอซื้อที่แนวรับลึกๆ หรือตั้งขายทำกำไรที่เป้าหมายไกลๆ ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือนกว่าราคาจะไปถึง

ตัวอย่าง: เราซื้อหุ้น TTT มาที่ราคา 6.50 บาท และตั้งเป้าหมายขายทำกำไรที่ 7.50 บาท ซึ่งอาจต้องใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะไปถึง เราสามารถตั้งคำสั่ง Limit ขายที่ 7.50 บาท แบบ GTC ทิ้งไว้ได้เลย คำสั่งนี้จะมีผลไปอีก 30 วัน หรือ จนกว่าราคาจะไปถึงเป้าและถูกขายออกไป หรือจนกว่าเราจะเข้าไปยกเลิกเอง

ข้อควรรู้ : คำสั่ง GTC จะถูกยกเลิกอัตโนมัติ ในวันที่หุ้นตัวนั้นๆมี Corporate Action เช่น XD, XE, XR เป็นต้น 
และ โดยปกติสำหรับหุ้นไทย GTC จะมีอายุในการตั้งคำสั่งอยู่ที่ 30 วัน 

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ GTC ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ GTC ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

กลุ่มที่ 2: ส่งคำสั่งแบบ [ Market ] เน้นซื้อ-ขายได้ทันที

คำสั่งกลุ่มนี้เหมาะกับสถานการณ์ที่เราต้องการซื้อหรือขายหุ้นให้ได้ เดี๋ยวนี้ โดยไม่เกี่ยงว่าจะได้ที่ราคาไหน
โดยระบบจะจับคู่ให้ทันที ณ ราคาที่ดีที่สุดในขณะนั้น

----------------------------------------------

ATO/ATC

คือ: คำสั่งซื้อขาย ณ ราคาเปิด ATO (At the Open) หรือ ราคาปิด ATC (At the Close) ของตลาด

ใช้เมื่อ: เราอยากซื้อหรือขายให้ได้ที่ราคาแรก หรือ ราคาสุดท้ายของวันไปเลย

ตัวอย่าง: คืนวันอาทิตย์มีข่าวว่าบริษัท AAA ชนะประมูลโครงการใหญ่ เราคาดว่าเช้าวันจันทร์ราคาหุ้นจะพุ่งแรงแน่ๆ ก่อนเปิดตลาดเราเลยมาใช้คำสั่ง ATO ซื้อหุ้น A เพื่อให้ได้หุ้นที่ราคาเปิดของวันจันทร์ทันที ไม่ว่าจะเปิดที่ราคาเท่าไหร่ก็ตาม

ข้อควรระวัง: เราจะไม่รู้ราคาที่แน่นอนจนกว่าตลาดจะเปิดหรือปิด ซึ่งอาจสูงหรือต่ำกว่าที่คาดไว้มากก็ได้

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ ATO/ATC ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ ATO/ATC ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

MKT+IOC (Market + Immediate or Cancel)

คือ: การส่งคำสั่งที่ราคาตลาด แต่ถ้าจับคู่ได้ไม่ครบทั้งจำนวนในทันที ส่วนที่เหลือจะถูกยกเลิกไป

ใช้เมื่อ: เราอยากได้หุ้นจำนวนมาก และ ระบบจะจับคู่ให้กับหุ้นที่มีในตลาด มากที่สุดเท่ากับจำนวนที่เราต้องการ แต่หากได้ไม่ครบก็ไม่เป็นไร เอาเท่าที่ได้

ตัวอย่าง: เราต้องการซื้อหุ้น MIC จำนวน 500,000 หุ้นด้วยคำสั่ง MKT+IOC สมมติ ณ ขณะนั้นมีคนตั้งขายที่ราคาตลาดรวมกันทุกราคาแค่ 400,000 หุ้น ระบบจะทำการซื้อให้เรา 400,000 หุ้นทันทีโดยไม่เกี่ยงราคา ส่วนอีก 100,000 หุ้นที่เหลือซึ่งหาคู่ไม่ได้ จะถูกยกเลิกไปเลย

ข้อควรรู้: แต่เอาจริงๆ เวลาเราเทรด ส่วนมากวอลุ่มการซื้อ-ขาย ที่มีในตลาดจะมีปริมาณมากเพียงพออยู่แล้ว ยกเว้นว่าเราเป็นนักลงทุนรายใหญ่มากๆๆๆ ที่มีโอกาสจะส่งคำสั่งซื้อ-ขาย จำนวนมาก จนวอลุ่มในทุกราคาที่มีในตลาดมีให้ไม่เพียงพอสำหรับเรา

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MKT+IOC ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MKT+IOC ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

MKT+FOK  (Market + Fill or Kill)

คือ: ต้องจับคู่ได้ ครบทั้งจำนวน ที่ต้องการในทันทีเท่านั้น ถ้าส่งคำสั่งนี้แล้วไม่ได้จับคู่เลยแม้แต่หุ้นเดียว คำสั่งจะถูกยกเลิกทั้งหมด

ใช้เมื่อ: เราต้องการซื้อหรือขายล็อตใหญ่ๆ และต้องการความแน่นอนว่าจะได้ครบในราคาเดียว

ตัวอย่าง: เราต้องการขายหุ้น MFK ทั้งหมด 100,000 หุ้นทิ้งทันทีและต้องขายให้หมดในไม้เดียว เราจึงส่งคำสั่ง MKT+FOK ขาย ถ้าในฝั่งซื้อมีคนรอซื้อที่ราคาตลาดไม่ถึง 100,000 หุ้น คำสั่งขายของเราทั้ง 100,000 หุ้นจะถูกยกเลิกทั้งหมดทันที และ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MKT+FOK ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MKT+FOK ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

MTL (Market to Limit)

คือ: ส่วนผสมระหว่าง Market และ Limit โดยคำสั่งจะถูกส่งไปเป็นแบบ Market ก่อน หากจับคู่ได้ไม่หมดในทันที ส่วนที่เหลือจะถูกแปลงเป็นแบบ Limit ตั้งรอไว้ที่ราคาล่าสุดที่จับคู่ได้

ใช้เมื่อ: เป็นคำสั่งที่ปลอดภัยกว่า MKT ปกติ เหมาะกับหุ้นที่สภาพคล่องไม่สูงมาก ช่วยป้องกันการไล่ราคาหรือถูกทุบราคา เกินกว่าเราคาดไว้

ตัวอย่าง: หุ้น LIM มีสภาพคล่องน้อย เราต้องการซื้อ 10,000 หุ้น จึงส่งคำสั่ง MTL ไป ระบบอาจจับคู่ซื้อให้เราได้ที่ราคา 6.80 บาท จำนวน 2,000 หุ้นก่อน ตอนนี้ยังเหลืออีก 8,000 หุ้น คำสั่งส่วนที่เหลือนี้จะถูกเปลี่ยนเป็น Limit Order ตั้งรอซื้อที่ราคา 6.80 บาทโดยอัตโนมัติ ช่วยให้เราไม่ได้ไปไล่ซื้อหุ้นที่ราคาเกิน 6.80 บาทขึ้นไป

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MTL ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MTL ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

MTL+IOC (Market to Limit + Immediate or Cancel)

คือ: เป็นคำสั่งผสมที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกนิด โดยระบบจะพยายามจับคู่ซื้อขายให้เรา ทันที ณ ราคาตลาดที่ดีที่สุด (แบบ Market) เท่าที่ระบบจะทำได้ในขณะนั้น แต่ถ้าหากไม่สามารถจับคู่ได้ครบทั้งจำนวนในทันที คำสั่งในส่วนที่เหลือจะถูกยกเลิกทิ้งไปทันที (แบบ IOC) โดยจะ ไม่มีการแปลงเป็น Limit Order เพื่อตั้งรอ เหมือน MTL ปกติ

ใช้เมื่อ: เราเน้นการได้หุ้นทันทีเท่าที่ตลาดมีให้ ณ ราคาที่เรารับได้ และไม่ต้องการตั้งรอส่วนที่เหลือ โดยเราจะใช้ "MTL" เป็นฐานราคา

ตัวอย่าง: เราต้องการซื้อหุ้น LIC จำนวน 20,000 หุ้นด้วยคำสั่ง MTL+IOC ที่ราคา 10.20 บาท สมมติว่าในกระดานมีหุ้นตั้งขายที่ราคา 10.00 บาท จำนวน 2,000 หุ้น, ที่ราคา 10.10 บาท อีก 3,000 หุ้น, ที่ราคา 10.20 บาท อีก 4,000 หุ้น และ ที่ราคา 10.40 บาท อีก 5,000 หุ้น ด้วยสถานการณ์นี้ ฟังก์ชั่น MTL+IOC นี้จะซื้อให้ทันทีที่ราคา 10.00 บาท จนถึง 10.20 บาท จำนวน 2,000+3,000+4,000 = 9,000 หุ้น ส่วนอีก 11,000 หุ้นที่ยังหาคู่ไม่ได้ในทันที จะถูกยกเลิกทิ้งไปเลย จะไม่มีการตั้งรอซื้อที่ราคา 10.20 บาท

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MTL+IOC ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MTL+IOC ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

MTL+FOK (Market to Limit + Fill or Kill)

คือ: เป็นคำสั่งที่ต้องการซื้อหรือขายหุ้น ทั้งจำนวนให้ได้ครบถ้วนในทันทีเท่านั้น (แบบ FOK) ณ ราคาตลาด (แบบ Market to Limit) หากระบบไม่สามารถหาหุ้นจากฝั่งตรงข้ามมาจับคู่ให้เราได้ครบทั้งล็อตในไม้เดียว คำสั่งทั้งหมดของเราจะถูกยกเลิกไปทันที

ใช้เมื่อ: เราต้องการความแน่นอนสูง ว่าจะต้องซื้อ-ขาย ได้ครบทั้งจำนวนในครั้งเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่เอาเลย

ตัวอย่าง: เราต้องการขายหุ้น LFK ทั้งหมด 50,000 หุ้นด้วยคำสั่ง MTL+FOK ถ้าระบบตรวจสอบแล้วพบว่าฝั่งซื้อมีปริมาณรอซื้อที่ราคาตลาดในขณะนั้นรวมกันไม่ถึง 50,000 หุ้น คำสั่งขายของเราทั้ง 50,000 หุ้นจะถูกยกเลิกทันที โดยไม่มีการจับคู่แม้แต่หุ้นเดียว

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MTL+FOK ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ MTL+FOK ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------
----------------------------------------------

 [ สำหรับตลาดหุ้นอเมริกา ] 

ตลาดหุ้นอเมริกามีความพิเศษตรงที่เวลาทำการยาวนานกว่าและมีช่วงซื้อขายนอกเวลา (Extended Hours) ด้วย เราจึงต้องเข้าใจคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาเหล่านี้

Day

คือ: คำสั่งที่จะมีผลเฉพาะช่วงเวลาทำการปกติของตลาด (Regular Trading Hours) เท่านั้น (ประมาณ 20:30 น. - 03:00 น. เวลาไทย)

ใช้เมื่อ: รูปแบบนี้เป็นคำสั่งมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปที่สุด เหมาะกับการเทรดรายวัน

ตัวอย่าง: เราอยากซื้อหุ้น Tesla (TSLA) ในคืนนี้ เราจึงตั้ง Limit รอซื้อที่ราคา $300 แบบ Day คำสั่งนี้จะมีผลเฉพาะช่วงเวลาตลาดเปิดปกติเท่านั้น ถ้าจบช่วงเวลาแล้วยังซื้อไม่ได้ คำสั่งจะถูกยกเลิก

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ Day ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ Day ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

Day+EXT (Day + Extended Hours)

คือ: คำสั่งที่จะมีผลตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดตลาด (Pre-Market), ช่วงตลาดเปิดปกติ (Regular Hours), และช่วงหลังปิดตลาด (After-Hours)

ใช้เมื่อ: หุ้นที่เราสนใจ มีข่าวสำคัญๆ เกิดขึ้นนอกเวลาทำการปกติ เช่น การประกาศผลประกอบการ และเราต้องการซื้อ หรือขาย

ตัวอย่าง: บริษัท NVIDIA (NVDA) จะประกาศผลประกอบการหลังตลาดปิด (ประมาณตี 3 เวลาไทย) ซึ่งเป็นช่วง After-Hours เราคาดว่าถ้างบออกมาดี ราคาจะพุ่งทันที เราจึงตั้งคำสั่ง Limit ซื้อแบบ Day+EXT ไว้ล่วงหน้า เพราะคำสั่งนี้จะมีผลครอบคลุมไปถึงช่วง After-Hours ทำให้เรามีโอกาสได้ซื้อหุ้นทันทีที่ข่าวออก ไม่ต้องรอถึงวันทำการถัดไป

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ Day+EXT ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ Day+EXT ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

GTC (Good Till Cancelled)

คือ: คำสั่งจะมีผลไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกจับคู่ หรือ หุ้นมี Corporate Action หรือเราเป็นคนยกเลิกเอง

ใช้เมื่อ: เมื่อเราต้องการตั้งราคาซื้อหรือขายทิ้งไว้ล่วงหน้าเป็นเวลานานๆ

ตัวอย่าง: เราเชื่อว่าหุ้น Apple (AAPL) จะลงไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $230 ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เราจึงตั้ง Limit ขายที่ $230 แบบ GTC ทิ้งไว้ คำสั่งจะยังคงอยู่ทุกวันจนกว่าจะได้ของ หรือเราเปลี่ยนใจไปยกเลิกเอง

รูปแรก คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ GTC ด้วย TradingView
รูปหลัง คือวิธีการส่งคำสั่งแบบ GTC ด้วย Liberator
ย้อนกลับไปที่สารบัญรวมรูปแบบคำสั่ง [คลิกที่นี่]

----------------------------------------------

เชื่อว่าเราน่าจะเห็นภาพรวมการส่งคำสั่งด้วยรูปแบบต่างๆ ได้ครบถ้วนแล้ว ถ้าอันไหนที่เข้ากับวัตถุประสงค์เรา ก็สามารถนำไปเลือกใช้ให้เหมาะกับกลยุทธ์และสถานการณ์ กันได้เลยนะ