เจาะลึกทุกประเด็นกับบริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD


[1] SCGD ทำอะไร

ดำเนินธุรกิจกระเบื้องปูพื้นและบุผนังทั้งในไทยและต่างประเทศ และธุรกิจสุขภัณฑ์ มีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

[2] โครงสร้างรายได้ 

กระเบื้องและสุขภัณฑ์จำหน่ายในไทย 67% เวียดนาม 19% ฟิลิปปินส์ 9% และอินโดนีเซีย 5% โดย SCGD มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ทั้งในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย

[3] ผลประกอบการ
Q1/2025 กำไรสุทธิ 217 ลบ. +171% q-q โดย EBITDA เพิ่มขึ้น +34% q-q ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 27% EBITDA margin เพิ่มจาก 11.9% เป็น 13.7% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 2.8% เป็น 3.9%

กำไรที่ฟื้นตัวแรงได้รับแรงหนุนจากการลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วงปลายปี 2024 และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดต้นทุนขายและต้นทุนทางการเงิน เช่น การประหยัดพลังงานและการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงขายสินค้ากลุ่ม High Value Added (HVA) มากขึ้น  

[4] ปัจจัยเสี่ยง

  • ภาษี : จากการปรับขึ้นภาษีสหรัฐคาดผลกระทบจำกัดเนื่องจากส่งออกไปสหรัฐฯ น้อยกว่า 1% แต่กระทบทางอ้อมจากความไม่แน่นอนของสินค้าจีนที่จะไหลเข้ามา แต่จะได้ประโยชน์จากการส่งออกจากเวียดนามแทน
  • ภูมิรัฐศาสตร์: ปัญหาความขัดแย้งอาจส่งผลต่อราคาน้ำมัน, ก๊าซผันผวน และความไม่แน่นอนของอุปสงค์
  • ในประเทศ: คาดอุปสงค์ชะลอตัวจากอุปทานอสังหาฯ ล้นตลาด และการเข้าถึงสินเชื่อที่ยากขึ้นทำให้กระทบต่อการขายในประเทศ แต่จะใช้ความได้เปรียบจากต้นทุนที่ถูกของเวียดนามมาชดเชยปัจจัยดังกล่าว

[5] แผนลดต้นทุนยังเดินหน้าต่อ (เป้าหมายประหยัดต้นทุนเพิ่มอีก 100 ล้านบาท ในปี 2025

  1. โครงการประหยัดพลังงาน เช่น โซล่าร์เซล ไบโอแมส เป็นต้น : คาดประหยัดได้ประมาณ 50 ล้านบาท/ปี
  2. เพิ่มความสามารถในการทำกำไรจากสินค้า Glazed porcelain / HVA (สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม) : เพิ่มกำไรได้ 15–20 ล้านบาท/ปี
  3. ปรับโครงสร้างธุรกิจ ปรับสมดุลอุปสงค์–อุปทาน และลดเงินทุนหมุนเวียนประหยัดได้อีก 30 ล้านบาท/ปี

ผบห.เผยว่าแผนการข้างต้นทำให้ต้นทุนของ SCGD เข้าใกล้กับผู้ประกอบการจีนได้แล้ว ซึ่งต้องไม่ลืมว่าจีนยังคงมีค่าขนส่งเข้ามาไทยอีก ดังนั้นเมื่อรวมค่าใช้จ่ายดังกล่าว สินค้าของ SCGD จึงสามารถแข่งขันกับจีนได้ แถมยังมีคุณภาพ และบริการที่ดีกว่าอีกด้วย

[6] เวียดนามความหวังใหม่ของบริษัท

บริษัทตั้งใจใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปทั่วโลกจาก

  1. ต้นทุนการผลิตที่สามารถแข่งขันได้จากการประหยัดต่อขนาด และหากเทียบกับจีนแล้วต้นทุนการผลิตแข่งขันได้ และคาดจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นใน 3Q25 นี้จากการปรับกระบวนการผลิต รวมถึงได้รับผลจากกำแพงภาษีนำเข้า
  2. กำลังการผลิต HVA ในเวียดนามนั้นใช้อัตรากำลังการผลิตเต็ม 100% แล้วซึ่งอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ขณะที่สินค้ากลุ่มทั่วไปใช้กำลังการผลิตเพียง 50% เท่านั้นแต่จะเน้นการขายสินค้าเหล่านี้ไปในมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น
  3. ผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเวียดนามและปัจจุบันเน้นขายเฉพาะกลุ่มลูกค้าทั่วไป มีโอกาสขยายตลาดมากขึ้นทั้งในเวียดนามและประเทศอื่น ๆ

[7] แนวโน้มตลาดปี 2025

  • ตลาดในไทยยังชะลอตัว จากโครงการอสังหาฯ ที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ ผบห.คาดว่าอาจใช้เวลาอีก 2 ปี อีกทั้งการใช้จ่ายผู้บริโภค และท่องเที่ยวยังอ่อนแรง
  • ตลาดภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดี เป็นโอกาสสำคัญซึ่งเชื่อว่าจะมาชดเชยการชะลอตัวของตลาดในประเทศได้
  • ราคาพลังงานยังผันผวน ต้องติดตามใกล้ชิดเพราะส่งผลต่อต้นทุนการผลิต
  • ขยายสินค้า HVA + Sourcing + พอร์ตสินค้า SCGD
  • กระจายตลาดส่งออกจากเวียดนาม เพื่อเจาะตลาดใหม่ เช่น ออสเตรเลีย

 

[8] M&P หาธุรกิจใหม่มาเสริม

ยังมีแผนหาธุรกิจใหม่มาเสริมทั้งในเวียดนามและไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันมากขึ้น ขณะที่เงินสดในมือสูงถึง 9,000 ลบ. คาดเงินปันผลจะทำได้ใกล้เคียงกับปี 2024 ส่วนการลงทุนต่างๆ จะไม่กระทบต่อการจ่ายเงินปันผลของบริษัท

[9] KIA ถูกฟ้องร้องจากหน่วยงานราชการ

จากการฟ้องร้องบริษัทย่อยของ SCGD ในวงเงิน 3,000 ลบ. จากหน่วยงานราชการในอินโดนีเซียนั้น SCGD แจ้งว่าบ. ดำเนินการอย่างถูกต้อง และต้องรอผลการพิจารณาเท่านั้น ซึ่งไม่มีระยะเวลาที่ชัดเจนว่าจะสามารถสรุปผลได้เมื่อไหร่ จึงเป็นปัจจัยกังวลต่อตลาด

[10] มุมมองนักวิเคราะห์ Liberator Research

เรามองว่าตลาดอาจกังวลต่อการหดตัวของกำลังซื้อในตลาดหลักอย่างไทยซึ่งมีสัดส่วน 67% ของยอดขาย และกังวลต่อการไหลเข้าของสินค้าจากจีนหลังภาษีสหรัฐ และจีนเริ่มมีผลบังคับใช้ แต่เราคาดว่าตลาดอื่น โดยเฉพาะเวียดนามที่จะกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์อสังหาฯ คลี่คลาย ประกอบกับในส่วนบริษัทเอง เร่งปรับปรุงต้นทุนการผลิตให้แข่งขันกับจีนได้ซึ่งจะทำให้นอกจากจะประคองกำไรปีนี้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนได้ ก็จะยิ่งทำให้ SCGD จะโตได้อย่างก้าวกระโดดในจังหวะที่เศรษฐกิจในประเทศกลับมาเป็นปกติ


อ่านมาถึงตรงนี้ หากเพื่อนๆอยากจะจับประเด็นแบบลงดีเทลตัวเลขเพิ่มเติม
รวมถึงฟังบรรยากาศและความมั่นใจของผู้บริหาร SCGD เอง
แอดมินชวนให้เปิดรับชม Live การสัมภาษณ์พูดคุยกันสดๆ ได้เลย คลิกที่นี่ 



เพื่อนๆสามารถรับชม LIB Insight สัมภาษณ์ผู้บริหาร อีกหลากหลายบริษัท 
ในแบบเจาะลึกกับทีมนักวิเคราะห์ Liberator ได้เพิ่มเติม โดยคลิกที่รูปด้านล่างนี้ได้เลย