เรียนรู้ธุรกิจน้ำมัน ก๊าซ LPG พลังงานทดแทนและกาแฟพันธุ์ไทย กับหุ้น PTG
เจาะลึกทุกประเด็นกับบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG
[1] PTG ทำอะไร
● ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ส่วนคือ
1) oil- สถานีบริการปั๊มน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้า PT
2) non-oil ประกอบด้วยกาแฟพันธุ์ไทย, คอฟฟีเวิลด์, Subway, Max mart, Autobacs, LPG, พลังงานสีเขียว, e-Money, ขนส่ง และระบบดูแลรักษาปั๊ม
สัดส่วนรายได้จาก oil 90% non-oil 10% อัตรากำไรขั้นต้นของ oil อยู่ที่ 65% และ non-oil 35% ผบห.
คาดว่าในปี 2028 อัตรากำไรขั้นต้นกลุ่ม non-oil จะเพิ่มเป็น 50%
[2] น้ำมันขึ้นลงส่งผลอย่างไรกับบริษัทบ้าง
● ราคาน้ำมันขึ้นหรือลงนั้นไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อบริษัท หากว่ากองทุนน้ำมันมีการปรับราคาขายขึ้นเพื่อสะท้อนการขึ้นของราคาน้ำมันได้ทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งหากการปรับราคาล่าช้าจะทำให้ PTG ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมาบ้าง แต่อาจไม่มากเพราะสัดส่วนการขายน้ำมัน 72% จะอยู่ในกลุ่มดีเซลซึ่งราคาขายไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่ส่งผลกระทบต่อ PTG แต่อย่างใดเนื่องจาก PTG มีการซื้อน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศ 100%
[3] ตารางส้ม(โครงสร้างราคาน้ำมัน และ ค่าการตลาดน้ำมัน โดย ก.พลังงาน) เป็นตัวชี้วัดค่าการตลาดได้ไหม
● ตารางส้มที่ประกาศโดย ก.พลังงานนั้น ตัวเลขที่ได้ไม่ใช่ตัวเลขค่าการตลาดที่แท้จริงของสถานีบริการที่ได้รับเนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม แต่เป็นตัวชี้วัดค่าการตลาดว่าจะอยู่ในทิศทางใดได้เท่านั้น
[4] แผนขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย ใน 2-3 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร
● ผบห. แจ้งว่าปีนี้เป้าสาขาร้านพันธุ์ไทยน่าจะอยู่ที่ 1,947 สาขา เป็นการเปิดสาขา 600 สาขาขณะที่เป้าใน 2-3 ปีข้างหน้าคาดจะมีร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่ 5,000 สาขาและคาดจะมีร้านของ Franchise ไม่เกิน 20% เนื่องจากมองว่าการบริหาร, การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทำได้คล่องตัวและง่ายกว่า ครึ่งปีแรกมีร้าน Franchise ที่ 21.8% ของจำนวนสาขาทั้งหมด
[5] ยอดขายร้านกาแฟเป็นอย่างไร และถึงจุดคุ้มทุนหรือยัง
● ร้านกาแฟพันธุ์ไทยยอดขายกาแฟไต่ขึ้นจากระดับ 100 แก้วต่อวันต่อสาขา จนไตรมาสล่าสุดขยับขึ้นมามากกว่า 200 แก้วต่อวัน/ สาขาแล้ว ซึ่งระดับยอดขายดังกล่าวเกินจุดคุ้มทุนแล้ว เพราะจุดคุ้มทุนอยู่ที่ 160-180 แก้ว/ วันต่อสาขา หรือใช้เวลาราว 6-7 เดือน ขณะที่ SSS สูงถึง 30-40% ผบห.เผยว่ายอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สวนทางตลาดได้ เนื่องจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง มีโปรโมชั่นที่ดี ราคาไม่แพง อยู่กระจายพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว
[6] ธุรกิจอื่น ๆ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรทิศทางอย่างไร
● สำหรับธุรกิจที่ PTG รับรู้ส่วนแบ่งกำไรนั้นคาดแนวโน้มการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้น โดยโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ PTG ถืออยู่ 40% ไปขายสินค้ากลุ่มผลพลอยได้แทน B100 และ น้ำมันขวด เนื่องจากอุปสงค์ดีและราคาขายดีกว่าสินค้าเดิม ส่วนไพศาลถืออยู่ 33.33% ซึ่งทำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือ 2 ดีขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกับไทยไพบูลย์ถืออยู่ 33.33% ซึ่งดำเนินธุรกิจบริหารจัดการขยะมูลฝอย
[7] แนวโน้ม 3Q25 เป็นอย่างไร
เราคาดว่าการดำเนินงาน 3Q25 คาดจะอ่อนตัวลง q-q จากผลกระทบของฤดูฝนส่งผลให้ปริมาณขายน้ำมันลดลง แต่หาก y-y มีโอกาสดีขึ้นจากสัดส่วน non-oil ที่ดีขึ้น รวมถึงการดำเนินงานจากPTG ร่วมคาดจะดีขึ้นเช่นกัน
[8] มุมมองนักวิเคราะห์ Liberator
● เราคงชอบ PTG จากแผนการขยายสาขาโดยเฉพาะ non-oil ทำได้ดีกว่าที่เคยคาดไว้ ขณะที่ในส่วนการดำเนินงานนั้นก็ดีกว่าที่เคยคาดเช่นกันจากปริมาณขายที่เกินจุดคุ้มทุนได้แล้ว และยังมีแผนขยายสาขาต่อเนื่องและมีแผนนำPTG ดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต แม้งบ 3Q25 จะอ่อนตัวลงแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว ราคาหุ้นปัจจุบันแม้จะไม่มี upside จากราคาเหมาะสมของเราที่ 8.30 บาท แต่เราแนะนำ รอราคาหุ้นอ่อนตัวลงกลับเข้าไปสะสมได้
● ยิ่งสัดส่วนกำไรใน non oil เพิ่ม(ปัจจุบัน 35%) จะทำให้นักวิเคราะห์ในตลาดมีโอกาส rerate P/E เป้าหมายขึ้นไปหากลุ่มค้าปลีก (15-30x) จากปัจจุบันในกลุ่มน้ำมันที่ 8-10x
อ่านมาถึงตรงนี้ หากเพื่อนๆอยากจะจับประเด็นแบบลงดีเทลตัวเลขเพิ่มเติม
รวมถึงฟังบรรยากาศและความมั่นใจของผู้บริหาร PTG เอง
แอดมินชวนให้เปิดรับชม Live การสัมภาษณ์พูดคุยกันสดๆ ได้เลย คลิกที่นี่
เพื่อนๆสามารถรับชม LIB Insight สัมภาษณ์ผู้บริหาร อีกหลากหลายบริษัท
ในแบบเจาะลึกกับทีมนักวิเคราะห์ Liberator ได้เพิ่มเติม โดยคลิกที่รูปด้านล่างนี้ได้เลย