หุ้นคุณค่าคืออะไร?

#หุ้นคุณค่า คือหุ้นของบริษัทที่มี ราคาซื้อขายในตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ของมันเอง โดยนักลงทุนจะมองหาหุ้นที่ตลาดมองข้ามหรือกำลังมองในแง่ลบ ทำให้ราคาหุ้นถูกกดดันให้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นโอกาสทองในการเข้าซื้อ

โดยทั่วไปแล้ว หุ้นคุณค่ามักมีคุณสมบัติที่น่าสนใจดังนี้:

แม้ราคาจะถูก แต่ธุรกิจยังคงดี มีกำไรสม่ำเสมอ และงบการเงินมั่นคง

มักจะเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดมานาน มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก

มีค่า P/E Ratio และ P/B Ratio ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และมักจะจ่ายเงินปันผลดี
หุ้นคุณค่าจึงเปรียบเสมือนการซื้อของดีที่มีคุณภาพในราคาลดพิเศษ ไม่ใช่การซื้อของถูกที่ไม่มีคุณภาพ

ทำไมต้องลงทุนในหุ้นคุณค่า?

การลงทุนในหุ้นคุณค่ามีข้อดีหลายประการที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ:

เนื่องจากคุณได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้คุณมี "ส่วนเผื่อความปลอดภัย" (Margin of Safety) หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ราคาหุ้นก็ยังมีโอกาสที่จะไม่ตกลงมากนัก เพราะราคาเดิมก็ถูกอยู่แล้ว

หุ้นคุณค่าจำนวนมากเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างมั่นคงและมีกำไรสม่ำเสมอ ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้เป็นประจำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้แบบ Passive Income

เมื่อตลาดกลับมามองเห็นคุณค่าของหุ้นตัวนั้นๆ และราคาปรับตัวสูงขึ้นไปสู่มูลค่าที่แท้จริง คุณก็จะได้กำไรจากส่วนต่างราคาที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กล้าเมื่อคนอื่นกลัว: โอกาสทองของนักลงทุนคุณค่า
 
ปรัชญาสำคัญของการลงทุนในหุ้นคุณค่าคือการทำตามคำกล่าวอมตะของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ว่า "จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว และจงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า"
 
ในจังหวะที่ตลาดเกิดวิกฤต เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ หรือวิกฤตโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจะตกต่ำลงอย่างหนัก นักลงทุนส่วนใหญ่จะตื่นตระหนกและเทขายหุ้นออกมา ซึ่งทำให้ราคาหุ้นดีๆ หลายตัวถูกลดราคาลงอย่างมาก นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่นักลงทุนคุณค่าจะเข้าซื้อสะสมหุ้นดีในราคาถูก
ตัวอย่างจากวิกฤตโควิด-19 ในตลาดหุ้นไทย:
 
ช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงอย่างรุนแรงเนื่องจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 หุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดีหลายตัว เช่น CPALL, PTT, SCB และ AOT ราคาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากเราใช้วิธีคิดแบบนักลงทุนคุณค่า และเข้าซื้อหุ้นเหล่านี้ในช่วงที่ราคาต่ำสุด เมื่อเวลาผ่านไปและสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ราคาหุ้นเหล่านี้ก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาและให้ผลตอบแทนที่สูงมากแก่ผู้ที่กล้าตัดสินใจลงทุนในช่วงเวลาดังกล่าว
 
CPALL: ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 46 บาท หลังจากนั้น 1 ปี ราคาปรับตัวขึ้นมาที่ประมาณ 64 บาท คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 39%
 
PTT: ราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 25 บาทในเดือนมีนาคม 2563 หลังจากนั้น 1 ปี ราคาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 40 บาท คิดเป็นผลตอบแทนสูงถึง 60%
 
SCB: ราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 60 บาทในเดือนมีนาคม 2563 หลังจากนั้น 1 ปี ราคาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 120 บาท คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 100%
 
AOT: แม้จะได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤต ราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 49 บาทในเดือนมีนาคม 2563 แต่หลังจากนั้น 1 ปี ราคาฟื้นตัวขึ้นมาที่ประมาณ 65 บาท คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 32%
 
สรุป
 
การลงทุนในหุ้นคุณค่าจึงเป็นการสร้างพอร์ตที่มั่นคงในระยะยาวและช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้ดีเยี่ยม หากคุณสามารถมองเห็น "มูลค่า" ที่แท้จริงของธุรกิจและกล้าที่จะเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดตกต่ำ คุณก็จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่านักลงทุนทั่วไป และบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
-----------------------------------------------------
นี่คือซีรีส์ FINCODE
ซีรีส์ที่จะมาปลดล็อก CODE ลับทางการเงิน
ทั้งเรื่อง การลงทุน และ เรื่องฟินๆ ในโลกการเงิน
ที่ถ้าคุณรู้และใช้ได้จริง วิธีทางการเงินจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น…
เพราะยังมี FINCODE อีกหลายโค้ดลับ
ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีใช้ “CODEการเงิน” เพื่อให้ชีวิตฟินขึ้น
===============================
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0151-01 และการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ใบอนุญาตเลขที่ ส1-0151-01