วันนี้มาเล่าต่อกันที่งบการเงินตัวสำคัญอีกตัวที่บอกเรื่องราวของบริษัทได้ดีไม่แพ้งบดุลเลย นั่นก็คือ "งบกำไรขาดทุน"

งบกำไรขาดทุนก็คืองบที่บอกว่า "บริษัททำมาหากินเก่งแค่ไหน" ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ครับ เช่น ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้เท่าไหร่ มีต้นทุนเท่าไหร่ สุดท้ายเหลือ "กำไร" หรือ "ขาดทุน" เท่าไหร่กันแน่

📌ทำไมนักลงทุนต้องดูงบกำไรขาดทุน?
ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้ว่าบริษัทที่เราจะไปลงทุนด้วยนั้น "ทำเงินเก่ง" หรือเปล่า "มีอนาคตที่จะเติบโตได้ไหม" งบกำไรขาดทุนนี่แหละคือคำตอบ เพราะมันบอกถึง "ความสามารถในการสร้างรายได้และควบคุมต้นทุน" ของบริษัท ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโต
 
📌แกะรอย 4 บรรทัดหลักในงบกำไรขาดทุน:
 
งบกำไรขาดทุนจะไล่เรียงจากรายได้ลงไปเรื่อยๆ จนถึงกำไรสุทธิ ลองมาดูกันครับว่าแต่ละบรรทัดบอกอะไรเราบ้าง:
 
✅1. รายได้ : "บริษัทขายอะไรได้เท่าไหร่?"
 
บรรทัดแรกสุดและสำคัญที่สุด! คือ "ยอดรวมของเงินที่บริษัทได้รับจากการขายสินค้าหรือให้บริการ" ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น 3 เดือน หรือ 1 ปี
นักลงทุนควรมองหา: บริษัทที่มี รายได้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ครับ เพราะนั่นแปลว่าธุรกิจกำลังขยายตัว มีคนซื้อสินค้าหรือใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การที่รายได้โตอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูว่าโตแบบยั่งยืนไหม โตมาจากธุรกิจหลักรึเปล่า
 
✅2. ต้นทุนและค่าใช้จ่าย : "บริษัทหมดเงินไปกับอะไรบ้าง?"
 
หลังจากมีรายได้เข้ามาแล้ว บริษัทก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ ซึ่งแบ่งย่อยๆ ได้ดังนี้:
ต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold - COGS): คือ ต้นทุนโดยตรง ในการผลิตสินค้าหรือบริการที่ขายไป เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงพนักงานในโรงงาน
 
กำไรขั้นต้น (Gross Profit): คือ รายได้ - ต้นทุนขาย (กำไรที่ได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง)
 
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (Selling, General & Administrative Expenses - SG&A): คือ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ แต่ไม่เกี่ยวกับตัวสินค้าโดยตรง เช่น ค่าโฆษณา ค่าเช่าสำนักงาน เงินเดือนพนักงานฝ่ายขายและบริหาร
 
ค่าใช้จ่ายทางการเงิน (Finance Costs): คือ ดอกเบี้ย ที่บริษัทต้องจ่ายให้กับเงินกู้ยืม
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้: ภาษีที่บริษัทต้องจ่ายให้รัฐ
นักลงทุนควรมองหา: บริษัทที่ ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี ครับ ถึงแม้รายได้จะเยอะ แต่ถ้าต้นทุนบวม ค่าใช้จ่ายสูงปรี๊ด กำไรก็เหลือน้อย หรืออาจขาดทุนได้เลย
 
✅3. กำไร (Profit): "บริษัทเหลือเงินเท่าไหร่?"
 
นี่คือบรรทัดที่นักลงทุนส่วนใหญ่ตั้งตารอคอยครับ! กำไรจะถูกคำนวณเป็นลำดับขั้นลงมา
กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit): คือกำไรที่ได้จากธุรกิจหลักจริงๆ ของบริษัท หลังจากหักต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารแล้ว
 
กำไรสุทธิ (Net Profit): คือ กำไรสุดท้ายที่เหลืออยู่ หลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทั้งต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ค่าใช้จ่ายทางการเงิน (ดอกเบี้ย) และภาษีทั้งหมดแล้ว นี่คือส่วนที่จะนำไปจัดสรรให้ผู้ถือหุ้น (ปันผล หรือเก็บเป็นกำไรสะสม)
 
นักลงทุนควรมองหา: บริษัทที่มี กำไรสุทธิเป็นบวกและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครับ และควรดู อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ด้วยว่าสูงแค่ไหนเมื่อเทียบกับรายได้รวม ยิ่งสูงยิ่งดี แปลว่าบริษัททำเงินได้มีประสิทธิภาพ
 
✅4. กำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share - EPS): "ผู้ถือหุ้นแต่ละคนได้กำไรเท่าไหร่?"
 
เป็นตัวเลขที่นักลงทุนใช้กันบ่อยมากๆ ครับ เพราะมันบอกว่า "ในแต่ละหุ้นที่เราถืออยู่ บริษัททำกำไรได้เท่าไหร่" ยิ่งกำไรต่อหุ้นสูง ยิ่งดีครับ
 
วิธีคิดง่ายๆ: เอา กำไรสุทธิ หารด้วย จำนวนหุ้นทั้งหมด ที่บริษัทมีอยู่
 
นักลงทุนควรมองหา: บริษัทที่มี EPS เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ครับ เพราะนั่นหมายถึงว่าบริษัทกำลังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น
 
💙สรุป: งบกำไรขาดทุน คือหัวใจของการเติบโต
 
การอ่านงบกำไรขาดทุนจะช่วยให้คุณเห็นว่าบริษัท "สร้างเงิน" ได้ดีแค่ไหน และมีความสามารถในการ "บริหารจัดการ" รายได้และค่าใช้จ่ายอย่างไร ถ้าบริษัทมีรายได้เติบโต มีกำไรต่อเนื่อง และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น นั่นเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ ว่าบริษัทกำลังไปได้สวยและมีโอกาสเติบโตในอนาคตครับ
 
จำไว้ว่าการดูงบกำไรขาดทุน ควรดูย้อนหลังหลายๆ ปี (เช่น 3-5 ปี) เพื่อดูแนวโน้ม และเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนที่สุด
 
===================
FINCODE
ซีรีส์ที่จะมาปลดล็อก CODE ลับทางการเงิน
ทั้งเรื่อง การลงทุน และ เรื่องฟินๆ ในโลกการเงิน
ที่ถ้าคุณรู้และใช้ได้จริง วิธีทางการเงินจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น…
เพราะยังมี FINCODE อีกหลายโค้ดลับ
ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีใช้ “CODEการเงิน” เพื่อให้ชีวิตฟินขึ้น
===================
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0151-01 และการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ใบอนุญาตเลขที่ ส1-0151-01